1. ฉีดฟิลเลอร์คางคืออะไร ?
การฉีดฟิลเลอร์คาง จะช่วยปรับแต่งใบหน้าให้เข้ารูป ดูกระชับ มีความเรียวสวย เติมคางให้ดูยาวขึ้นด้วยการฉีดสารประเภทไฮยาลูโรนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) เข้าไป ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการเพิ่มความสวยให้กับรูปคางตามแบบฉบับ “Golden Ratio” โดยไม่ต้องผ่าตัด
การฉีดฟิลเลอร์คาง สามารถแก้ไขปัญหาคางสั้น คางตัด คางถอย คางเบี้ยว คางไม่เท่ากัน ช่วยปรับรูปหน้า และเสริมคางให้เรียวสวย ใบหน้าวีเชฟขึ้นได้โดยไม่ต้องผ่าตัด
2. รูปทรงใบหน้า (Facial Shapes) มีกี่แบบ ?
แบ่งลักษณะรูปทรงของใบหน้า (Facial shape) ได้ดังนี้
1. ใบหน้ารูปไข่ (Oval Face) :
ความยาวจะเท่ากับ 1 ½ ของความกว้าง หน้าผากจะกว้างกว่าคาง มีโหนกแก้มที่เห็นเด่นชัด และปลายคางเป็นรูปไข่แคบ
2. ใบหน้ารียาว (Oblong Face) :
ความยาวจะยาวกว่าความกว้าง ความกว้างส่วนของหน้าผาก แก้มและกรามมีขนาดเท่าๆกัน คางค่อนข้างได้รูปสวย ใบหน้ามีลักษณะยาว
3. ใบหน้าทรงกลม (Round Face) :
ความกว้างของใบหน้าเท่ากับความยาว อาจจะต่างกันนิดหน่อยแต่โดยมากก็จะใกล้เคียงกัน ส่วนที่กว้างที่สุดของใบหน้าก็คือแก้ม
4. ใบหน้าทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส (Square Face) :
ความกว้างและความยาวมีขนาดใกล้เคียงกัน หน้าผาก โหนกแก้มและกรามมีความกว้างใกล้เคียงกัน กรามเป็นลักษณะค่อนข้างเหลี่ยม
5. ใบหน้ารูปหัวใจ (Heart Face) :
กรามแคบ โหนกแก้มและหน้าผากกว้าง ลักษณะคล้ายๆกับหน้ารูปไข่ แต่คางแหลม
6. ใบหน้าทรงข้าวหลามตัดหรือรูปเพชร (Diamond Face) :
บริเวณโหนกแก้มจะกว้างที่สุด ส่วนหน้าผากและกรามจะมีความกว้างใกล้เคียงกัน
7. ใบหน้าทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า (Rectangle Face) :
บริเวณส่วนหน้าผาก โหนกแก้มและกรามจะมีสัดส่วนที่เท่ากัน
8. ใบหน้าทรงสามเหลี่ยม (Triangular Face) :
จะตรงข้ามกับหน้ารูปหัวใจ โหนกแก้ม หน้าผากและขมับจะแคบ
9. ใบหน้าทรงหกเหลี่ยม (Heptagon Face) :
3. สัดส่วนกรอบหน้าที่เหมาะสมที่สุด และสวยที่สุดเป็นแบบไหน ?
(3.1). วัดจากสัดส่วนของ Golden Ratio = เพื่อกำหนดสัดส่วนความยาวของคางที่เหมาะสมที่สุด
Golden Ratio คือ “สัดส่วนทองคำ” บนใบหน้า เป็นสัดส่วนแบบ 1:1:1 เพื่อให้มั่นใจว่าใบหน้ามีขนาดเหมาะสม
วิธีคือ ให้ใช้ฝ่ามือประทับลงไปบนใบหน้าทั้งหมด 3 ส่วน ประกอบด้วย Upper Face ส่วนด้านบน เป็นการวัดสัดส่วนตั้งแต่ไรผมถึงหัวคิ้ว, Middle Face ส่วนตรงกลาง วัดตั้งแต่คิ้วจนถึงปลายจมูก และ Lower Face ส่วนด้านล่าง วัดตั้งแต่ปลายจมูกถึงปลายคาง โดยแต่ละส่วนของใบหน้าที่ฝ่ามือวางลงไปต้องมีขนาดพอดี ไม่ใหญ่หรือเล็กจนเกินไป จึงจะนับเป็น Golden Ratio 1:1:1 ที่ถูกต้อง หากใครที่วัดไปแล้วคางสั้นหรือยาวกว่าฝ่ามือ ก็ต้องทำการฉีด ฟิลเลอร์คาง เพื่อปรับรูปหน้าให้สมส่วน
(3.2). Facial angle = เครื่องมือที่ใช้วัดองศาใบหน้า เพื่อกำหนดตำแหน่งคางที่เหมาะสมที่สุด
โดยวัดจาก Glabella ลากเส้นมายัง Subnasal ไปจนถึง Pogonion
แบ่งออกเป็น class ดังนี้
I : 165 – 175 องศา => สัดส่วนที่เหมาะสมที่สุด สวยที่สุด
II : < 165 องศา => คางถอย
III : > 175 องศา => คางยื่น
(3.4). Ricketts’ aesthetic line = ใช้กำหนดจุดที่ยื่นที่สุดของคาง ในสัดส่วนที่เหมาะสมที่สุด
โดยเส้นที่ลากจากปลายจมูก มายังปลายคาง โดยริมฝีปากบนจะต้องห่างจากเส้นนี้ 4 mm ริมฝีปากล่างจะต้องห่างจากเส้นนี้ 2 mm
(3.5).ความกว้างของคาง = คางที่สวยจะต้องไม่แหลมจนเกินไป จะดูมนๆกลมสวย แต่ไม่มากจนเกินไป ยังคงดูธรรมชาติ
สัดส่วนความกว้างของคางในผู้หญิงและผู้ชายจะมีขนาดที่แตกต่างกันโดย
ผู้หญิง : ความกว้างของคางจะไม่เกินขอบของปีกจมูก
ผู้ชาย : ความกว้างของคางจะไม่เกินขอบของมุมปาก
4. ฟิลเลอร์คางเหมาะกับใครบ้าง ?
1. ผู้ที่ต้องการปรับโครงหน้าตามแบบฉบับ “Golden Ratio” – ฟิลเลอร์คาง ช่วยปรับรูปหน้าให้สมส่วนแบบ Golden Ratio 1:1:1 ได้ โดยไม่ต้องผ่าตัด อีกทั้งยังปรับรูปหน้าได้ตามโหงวเฮ้งอีกด้วย
2. ผู้ที่มีปัญหาคางผิดรูป
· ปัญหาคางสั้น – มีปลายคางที่สั้นจนมองไม่เห็น ทำให้ใบหน้ากลม ฟิลเลอร์จะช่วยปรับรูปคางให้ยาวขึ้นได้ ช่วยให้ใบหน้าดูเรียวยาวสมส่วน
· ปัญหาคางตัด – มีปลายคางแบนเหมือนถูกตัด ทำให้รูปหน้าดูเหลี่ยม ดูไม่อ่อนหวาน ฟิลเลอร์จะช่วยปรับรูปหน้าให้ดูวีเชฟขึ้นได้
· ปัญหาคางบุ๋ม – มีปลายคางยุบเป็นร่อง ลักษณะเหมือนผลแอปเปิ้ล ฟิลเลอร์จะช่วยเติมเต็มให้รูปคางดูเป็นธรรมชาติได้
· ปัญหาคางถอย – มีปลายคางถอย เมื่อมองจากมุมข้าง คางดูไม่สมส่วน ทำให้ปากห้อย ฟิลเลอร์จะช่วยเติมรูปคางให้ดูสมส่วน มีมิติได้
3. ผู้ที่ชอบความสะดวกรวดเร็ว ไม่ต้องพักฟื้น – การฉีดฟิลเลอร์คาง ไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีแผล ใช้เวลาน้อย
5. ข้อดีและข้อเสียของฟิลเลอร์คาง ?
ข้อดี
(5.1). การฉีดฟิลเลอร์คาง ไม่ใช่การผ่าตัด ทำให้เห็นผลหลังทำได้ทันที
(5.2). หลังฉีดฟิลเลอร์คาง ไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติทันที
(5.3). การฉีดฟิลเลอร์คาง ช่วยปรับแต่งใบหน้าให้เข้ารูป ช่วยเพิ่มความมั่นใจ
(5.4). ฟิลเลอร์คาง เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการเพิ่มความสวยให้กับรูปคางตามแบบฉบับ “Golden Ratio” โดยไม่ต้องผ่าตัด
(5.5). หากฉีดฟิลเลอร์ที่ได้มาตรฐาน คางจะดูเป็นธรรมชาติ ไม่มีปัญหาคางย้อยผิดรูป
(5.6). ฟิลเลอร์ เป็นสาร Hyaluronic Acid หรือ HA สลายได้เองตามธรรมชาติ ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
ข้อเสีย
(5.1).ฟิลเลอร์จะอยู่ได้ 12-18 เดือน จากนั้นจะสลายไปเอง ทำให้รูปหน้ากลับสู่ปกติ ไม่ถาวรเหมือนการผ่าตัดเสริมคาง
(5.2).หากฉีดฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐานหรือฟิลเลอร์ปลอม จะทำให้เกิดผลข้างเคียงที่อันตราย เช่น ติดเชื้อ เกิดพังผืดใต้ผิว ฟิลเลอร์กองเป็นก้อนทำให้คางผิดรูป เป็นต้น
6. เปรียบเทียบการฉีดฟิลเลอร์คาง VS การผ่าตัดเสริมคาง ?
การฉีดฟิลเลอร์คาง :
เป็นการปรับแต่งใบหน้าให้เข้ารูปได้โดยไม่ต้องผ่าตัด ใช้เวลาน้อย ทำให้ไม่มีแผล ไม่ต้องพักฟื้น หลังฉีดฟิลเลอร์คางจะเห็นผลลัพธ์ได้ทันที ไม่บวมช้ำ สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ฟิลเลอร์คางตอบโจทย์คนที่อยากมีคางสวยแต่ไม่อยากผ่าตัดใหญ่
การผ่าตัดเสริมคาง :
เป็นการเปลี่ยนรูปคางแบบถาวรโดยการผ่าตัด ใช้เวลามากกว่า มีกระบวนการที่เสี่ยงกว่าและทำได้ยากกว่า ต้องปรึกษาแพทย์และอยู่ในความดูแลแพทย์อย่างใกล้ชิด หลังผ่าตัดต้องใช้เวลาพักฟื้นและต้องดูแลแผลอย่างถูกต้อง หากทำมาแล้วไม่ชอบจะแก้ไขรูปทรงได้ยากกว่าการฉีดฟิลเลอร์คาง
7. ฟิลเลอร์คาง อันตรายไหม ?
หากเป็นแพทย์ชำนาญการ พร้อมด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีมาตรฐานได้คุณภาพ ความอันตรายจะลดลงมาก ผลข้างเคียงแทบไม่เกิดเลยด้วยซ้ำ หรือถ้าจะมีก็เล็กน้อย เช่น มีรอยรูเล็ก ๆ บริเวณที่มีการฉีดฟิลเลอร์คาง ในทางกลับกัน หากรับการบริการจากแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์ อาจทำให้คางมีสัดส่วนที่ไม่ได้รูป เช่น เป็นคางมะม่วง และมีโอกาสที่จะทำให้เกิดผลข้างเคียงคือ ฟิลเลอร์คาง เป็นก้อน เนื่องจากฉีดเข้าไปผิดบริเวณ ใช้ฟิลเลอร์มากเกินไป จะทำให้บริเวณที่ฉีดจับกันเป็นก้อน จนอาจไม่สามารถสลายได้ ดังนั้นการฉีด ฟิลเลอร์คาง จะไม่เกิดอันตรายกับผู้รับบริการ เมื่อใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ และมีความปลอดภัย
7. ค่าใช้จ่ายไม่สูงเมื่อเทียบกับวิธีอื่น ๆ
8. ฟิลเลอร์คางสลายได้หรือไม่ ?
การฉีดฟิลเลอร์คาง นั้นมีความปลอดภัย เพราะฟิลเลอร์ที่ใช้นั้น เป็นสารไฮยาลูโรนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) สารชนิดนี้ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย เพราะร่างกายสามารถสร้างเอนไซม์ Hyaluronidase มาช่วยในการสลาย HA เมื่อเวลาผ่านไปก็จะค่อย ๆ สลายไป ไม่มีการตกค้างไว้ หรือเกิดผลข้างเคียง ปกติแล้วการฉีด ฟิลเลอร์คาง จะเห็นผลได้ราว ๆ 1-2 ปี ขึ้นอยู่กับชนิดของผลิตภัณฑ์ และการตอบสนองของร่างกายเมื่อได้รับเข้าไป อย่างไรก็ตามหากเป็นฟิลเลอร์คางที่ไม่มีคุณภาพก็จะให้ผลลัพธ์ที่ตรงกันข้าม และมีโอกาสเกิดผลข้างเคียงที่อันตรายต่อร่างกายหลายเท่า จึงเน้นย้ำเสมอว่าต้องฉีดกับแพทย์เฉพาะทางที่เลือกใช้ผลิตภัณฑ์มีคุณภาพเท่านั้น
9.หลังฉีดฟิลเลอร์คางแล้วเป็นก้อน ?
การฉีดฟิลเลอร์คาง ต้องใช้ความเชี่ยวชาญไม่แพ้ตำแหน่งอื่น หากแพทย์ไม่เชี่ยวชาญอาจเกิดปัญหาตามมา เช่น ฉีดฟิลเลอร์คางแล้วเป็นก้อน ไม่เป็นธรรมชาติหรือดูเป็นคางมะม่วง เป็นต้น ซึ่งสาเหตุเกิดจากการฉีดผิดตำแหน่งหรือไม่ลึกพอ ทำให้ฟิลเลอร์กองกันเป็นก้อนบวม ดูผิดรูป หรือเกิดจากการที่ฉีดฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน/ฟิลเลอร์ปลอม ซึ่งฟิลเลอร์ปลอมจะไม่สลายตามธรรมชาติ เกิดการไหลย้อย ไม่เป็นทรงและจับกันเป็นก้อน
10.วิธีแก้ไข/รักษา อาการฉีดฟิลเลอร์คางแล้วเป็นก้อน ?
กรณีฉีดฟิลเลอร์คางที่ไม่ได้มาตรฐาน บวมเป็นก้อนและเกิดการอักเสบ ติดเชื้อ หรือ ฟิลเลอร์คางผิดเทคนิค จนฟิลเลอร์กองกันเป็นก้อน สามารถแก้ได้ด้วยการฉีดสลาย ซึ่งต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และใช้ Hyaluronidase ในการสลายเท่านั้น
10. การปฏิบัติตัวก่อนและหลังฉีดฟิลเลอร์คาง ?
ข้อปฏิบัติตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์และก่อนร้อยไหม (1 อาทิตย์ก่อนทำ ) =>
1. ควรงดยา แอสไพริน , NSAIDs เช่น Ibuprofen , Diclofenac , Ponstan เป็นเวลา 1 อาทิตย์ก่อนทำหัตถการ และควรปรึกษาแพทย์ก่อนที่จะหยุดยานั้นๆ
2. ควรงดวิตามิน St.John Wort , Ginko biloba , Primrose oil , Garlic , Ginseng , and Vitamin E เป็นเวลา 1 อาทิตย์ก่อนทำหัตถการ
3. ควรงดยาทาชนิดผลัดเซลล์ผิว เช่น Tretinoin (Retin-A) , Retinols , Retinoids , Glycolic Acid , หรือครีมในกลุ่ม “ Anti-Aging ” ทุกชนิด เป็นเวลา 3 วันก่อนทำ
4. ควรงดการแว็ก ผลักเซลล์ผิว การดึงขนหรือโกนขนบริเวณนั้นๆ เป็นเวลา 3 วันก่อนทำหัตถการ
5. หากมีคอร์สทำหน้านวดหน้าหรือเลเซอร์ต่างๆ ควรทำมาก่อนอย่างน้อย 3 วัน ก่อนฉีดฟิลเลอร์หรือร้อยไหม เพราะหลังทำต้องเว้นไปอีก 2 อาทิตย์
6.หากมีโรคประจำตัว หรือยาที่กินเป็นประจำอื่นๆ ควรเตรียมข้อมูลไว้เพื่อแจ้งกับแพทย์ก่อนที่จะทำหัตถการ
ข้อปฏิบัติตัวหลังฉีดฟิลเลอร์ =>
1. งดเลเซอร์ อบซาวหน้า นวดหน้าลงความร้อนบริเวณหน้าอย่างน้อย 1 เดือน
2. งดทานยาหรือวิตามินที่ทำให้เลือดออกมากขึ้น เช่น แอสไพริน , วิตามินอี , ใบแป๊ะก๊วย ในช่วง 1 สัปดาห์แรก
3. งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เหล้า เบียร์ บุหรี่ อย่างน้อย 2 สัปดาห์
4. หลีกเลี่ยงความร้อนต่างๆบริเวณใบหน้า เช่น การเป่าผม และ การล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น
5. ดื่มน้ำเยอะๆขั้นต่ำ 2-3 ลิตร ต่อวัน เนื่องจากฟิลเลอร์จะฟูขึ้น ทำให้อยู่ได้นาน
6. ไม่ควรกดนวดคลึงลูบคลำ หรือปั้นเอง บริเวณตำแหน่งที่มีการฉีดฟิลเลอร์ เพื่อลดการเคลื่อนย้ายของตัวยาไปตำแหน่งที่ไม่ต้องการ
7. สามารถแต่งหน้าได้ตามปกติในวันรุ่นขึ้นหลังฉีดฟิลเลอร์