หลายคน ๆ ที่กำลังลังเลว่าผลิตภัณฑ์อย่าง SCULPTRA กับ BOTOX ถ้าจะฉีดหรือจะเข้ารับการรักษา แต่ละตัวต่างกันยังไง ? และถ้าเกิดจะทำพร้อมกัน ทำได้ไหม ? มีข้อดี-ข้อเสียอะไรบ้าง ในบทความนี้จะมาพูดถึง 2 ตัวนี้อย่างเจาะลึก เพื่อเป็นบทความประกอบการตัดสินใจและเปรียบเทียบ
SCULPTRA กับ BOTOX ต่างกันยังไง ?
- SCULPTRA คืออะไร ?
- BOTOX คืออะไร ?
- SCULPTRA กับ BOTOX (โบท็อกซ์) ต่างกันอย่างไร ?
- ข้อดี-ข้อเสีย ของการฉีด SCULPTRA
- ข้อดี-ข้อเสีย ของการฉีด BOTOX
- ฉีด SCULPTRA กับ BOTOX พร้อมกันได้ไหม ?
- ทำไมต้องฉีด SCULPTRA หรือ BOTOX ที่มูตาน พาวิลเลี่ยน
SCULPTRA คืออะไร ?
SCULPTRA คือ Collagen Biostimulator เป็นสารฉีดกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนของตัวเราเองตามกระบวนการธรรมชาติ ซึ่งเป็น collagen type I ช่วยคืนความอ่อนเยาว์ให้กับผิว เพิ่มความยืดหยุ่นให้ชั้นผิวหนัง โดยทำให้ผิวแน่นอิ่มฟู ยกกระชับบริเวณผิวหย่อนคล้อย ปรับปรุงคุณภาพผิวให้ดียิ่งขึ้น
BOTOX คืออะไร ?
โบท็อก (Botox) คือ ชื่อทางการค้าของ โบทูลินั่มท็อกซิน (Botulinum Toxin) โดยเป็นสารที่ถูกสกัดมาจากแบคทีเรียสายพันธุ์เฉพาะชื่อ Clostridium botulinum โดยตัวของสารจะอยู่ในรูปแบบโปรตีน ที่มีคุณสมบัติพิเศษสามารถจับกับปลายของเส้นประสาทที่ใช้ในการควบคุมกล้ามเนื้อ แล้วเข้าไปยับยั้งการกระตุ้นกล้ามเนื้อที่เลี้ยงโดยเส้นประสาทบริเวณนั้น จะทำให้กล้ามเนื้อบริเวณนั้น ไม่สามารถหดตัว และอยู่ในสภาพคลายตัว โดยวงการเสริมความงามโบท็อกจะช่วยในเรื่องการลดเหงื่อ ลดริ้วรอย การปรับปรุงรูปหน้า รวมไปถึงช่วยในเรื่องผิวหนังที่หย่อนคล้อยให้เกิดความกระชับ
SCULPTRA กับ BOTOX (โบท็อกซ์) ต่างกันอย่างไร ?
SCULPTRA และ BOTOX เป็นสองวิธีการรักษาที่แตกต่างกัน โดยแบ่งความแตกต่างได้ดังนี้
SCULPTRA
- SCULPTRA เป็นสารเติมเต็มแบบฉีด
- SCULPTRA จะกระตึ้นการผลิตคอลลาเจนใหม่
- SCULPTRA จะยังไม่สามารถเห็นผลลัพธ์ แต่ผลลัพธ์จะค่อย ๆ ดีขึ้นเรื่อย ๆ และเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงชัดเจนประมาณ 2-3 สัปดาห์
- SCULPTRA สามารถให้ผลลัพธ์ที่อยู่ยาวนานถึง 2 ปี (ขึ้นอยู่กับการดูแลหลังฉีด SCULPTRA ด้วย)
- SCULPTRA มักใช้เพื่อรักษาริ้วรอยร่องแก้ม ริ้วรอยร่องน้ำหมาก และริ้วรอยร่องลึกอื่นๆ
- SCULPTRA มักได้รับการพิจารณาว่าเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการผ่าตัดเสริมความงาม
BOTOX
- BOTOX เป็นชนิดยาฉีด
- BOTOX จะยับยั้งการทำงานของกล้ามเนื้อ
- BOTOX จะเห็นผลลัพธ์ทันทีหลังฉีด
- BOTOX สามารถให้ผลลัพธ์ที่อยู่ยาวนาน 3-6 เดือน (ขึ้นอยู่กับการดูแลหลังฉีดโบท็อกซ์ด้วย)
- BOTOX มักใช้เพื่อรักษาริ้วรอยหน้าผาก รอยขมวดคิ้ว รอยตีนกาและลดเหงื่อบริเวณรักแร้
- BOTOX มักได้รับให้เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการรักษาริ้วรอยในระยะสั้น
ข้อดี-ข้อเสีย ของการฉีด SCULPTRA
SCULPTRA เป็น Collagen stimulator ตัวแรกของโลก และเป็นตัวเดียวที่ผ่านการรับรองจาก US FDA โดยมีข้อดี-ข้อเสียของการฉีด SCULPTRA ดังนี้
ข้อดีของการฉีด SCULPTRA | ข้อเสียของการฉีด SCULPTRA |
---|---|
– มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ – ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ – สามารถคงผลลัพธ์อยู่ได้นานถึง 2 ปี – ไม่จำเป็นต้องผ่าตัด จึงไม่ต้องเสียเวลาในการพักฟื้น – ใช้เวลาในการรักษาที่รวดเร็ว – สามารถใช้รักษาริ้วรอยหลายประเภท เช่น ริ้วรอยร่องแก้ม ริ้วรอยร่องน้ำหมาก ริ้วรอยร่องลึกอื่นๆ ผิวหย่อนคล้อย | – ผลลัพธ์อาจไม่ชัดเจนในทันที โดยจะเริ่มเปลี่ยนแปลงชัดเจนประมาณ 2-3 สัปดาห์ – อาจต้องฉีดซ้ำทุกๆ 1-2 ปี – อาจเกิดผลข้างเคียง เช่น รอยแดง บวม และช้ำ จากเข็มที่ฉีด – ห้ามใช้ในผู้ที่มีโรคบางชนิด เช่น โรคภูมิแพ้ โรคตับ โรคไต โรคหัวใจ |
ข้อดี-ข้อเสีย ของการฉีด BOTOX
BOTOX (โบท็อก) เป็นชื่อทางการค้าของยาที่ชื่อว่าโบทูลินั่ม ท็อกซิน เอ (Botulinum Toxin A) ทำหน้าที่ยับยั้งการทำงานของกล้ามเนื้อ เมื่อฉีดโบท็อกซ์เข้าไปในกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้อจะไม่สามารถหดตัวได้ ซึ่งต่อไปนี้คือข้อดี-ข้อเสียของการฉีด Botox (โบท็อก) ดังนี้
ข้อดีของการฉีด Botox (โบท็อก) | ข้อเสียของการฉีด Botox (โบท็อก) |
---|---|
– มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ – ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ – เป็นที่นิยมและมีรีวิวให้เห็นถึงผลลัพธ์ที่เยอะ – ใช้เวลาในการรักษาที่รวดเร็ว และเห็นผลลัพธ์ทันทีหลังเข้ารับการรักษา – ไม่จำเป็นต้องผ่าตัด จึงไม่ต้องเสียเวลาในการพักฟื้น – สามารถรักษาริ้วรอยหลายประเภท เช่น ริ้วรอยหน้าผาก รอยขมวดคิ้ว รอยตีนกา รอยเหี่ยวย่นรอบปาก รวมไปถึงลดเหงื่อได้อีกด้วย | – อาจต้องฉีดซ้ำทุกๆ 6-12 เดือน (ขึ้นอยู่กับการดูแลหลังฉีดโบท็อกด้วย) – อาจเกิดผลข้างเคียง เช่น รอยแดง บวม และปวด จากเข็มที่ฉีด – ห้ามใช้ในผู้ที่มีโรคบางชนิด เช่น โรคไมเกรน โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง โรคอัมพาต |
ฉีด SCULPTRA กับ BOTOX พร้อมกันได้ไหม ?
หลังฉีด SCULPTRA ควรหลีกเลี่ยงการฉีดโบท็อก (Botox) เป็นเวลา อย่างน้อย 5 วัน เนื่องจากหลังจากการฉีด SCULPTRA ไปแล้วต้องคอยนวดโดยใช้หลักการแบบ Triple5 เพื่อให้อนุภาคสาร PLLA กระจายตัวไปทั่วบริเวณใบหน้า และ ไปช่วยกระตุ้นคอลลาเจนในบริเวณที่เราต้องการ ซึ่งจะต้องทำการนวดครั้งละ 5 นาที 5 ครั้งต่อวัน เป็นระยะเวลาติดต่อกัน 5 วัน ถ้าในกรณีที่คนไข้ทำการฉีดโบท็อกมาแล้ว ควรงดเว้นการฉีด SCULPTRA เป็นเวลา 2 สัปดาห์ เพื่อทำให้โบท็อกออกฤทธิ์และทำงานได้อย่างเต็มที่ก่อน
ทำไมต้องฉีด SCULPTRA หรือ BOTOX ที่มูตาน พาวิลเลี่ยน
ฉีด Sculptra ที่ไหนดี ? การเลือกฉีด SCULPTRA อย่างแรกคือ คลินิกต้องได้มาตรฐาน ผ่านการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเชื่อว่าหลาย ๆ คนที่สนใจและกำลังมองหาที่ฉีด SCULPTRA ต้องโฟกัสเรื่องนี้ก่อนเป็นเรื่องแรกแน่นอน และนอกจากใบอนุญาตแล้ว ก็ยังมีสิ่งสำคัญ ๆ อื่น ๆ อีกดังนี้
- แพทย์หรือผู้เขี่ยวขาญต้องมีประสบการณ์ และความชำนาญ สามารถฉีด SCULPTRA หรือ BOTOX อย่างถูกต้องและปลอดภัย
- SCULPTRA หรือ BOTOX ที่นำมาใช้ ต้องเป็นของแท้ และให้ผู้รับบริการตรวจสอบได้
- สังเกตุรีวิวผลลัพธ์หลังฉีด SCULPTRA หรือ BOTOX จากผู้ที่เคยใช้บริการจริง
- ให้ข้อมูลและให้คำปรึกษา ก่อนและหลัง อย่างครบถ้วนทุกคำตอบ