ไหมน้ำคืออะไร ดีไหม ? ช่วยเรื่องอะไร ? ยี่ห้อไหนดี อิ่มฟู ฉ่ำวาว

ไหมน้ำเป็นหนึ่งในนวัตกรรมวงการความงามที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในขณะนี้ แต่ไหมน้ำคืออะไร และมีประโยชน์อย่างไรบ้าง? กับการฉีดสารบำรุงล้ำลึกเข้าสู่ผิวเพื่อฟื้นฟูความอิ่มฟูและเพิ่มความฉ่ำวาวให้กับใบหน้า ช่วยให้ผิวดูสุขภาพดีและกระจ่างใสขึ้นทันทีหลังทำ แต่การเลือกยี่ห้อและประเภทไหมน้ำที่เหมาะสมก็มีความสำคัญไม่น้อย มาดูกันว่าไหมน้ำดีจริงหรือไม่ และยี่ห้อไหนที่ตอบโจทย์ความงามของคุณได้ดีที่สุด

สารบัญ ไหมน้ำ

ไหมน้ำ คืออะไร

ไหมน้ำ คือ เทคนิคเสริมความงามประเภทหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนังให้มีจำนวนเพิ่มขึ้น ช่วยยกกระชับผิวหนัง ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้และการทำงานของไหมน้ำนั้นจะมีความคล้ายกับการร้อยไหม แต่จะอยู่ในรูปแบบของการฉีดเข้าสู่ผิวหนังแทนการร้อยไหมเข้าไปใต้ชั้นผิวหนัง โดยชนิดของไหมน้ำที่นิยมในปัจจุบันมีทั้งหมด 4 แบบ ดังนี้

  • ไหมน้ำแบบสาร PCL (Polycarpolactone) เป็นหนึ่งในชนิดของไหมน้ำ โดย PCL มีคุณสมบัติในการกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ผิวหนังมีความแข็งแรงและเต่งตึงมากขึ้น ช่วยลดเลือนริ้วรอย และฟื้นฟูผิวที่หมองคล้ำ ให้ผิวดูสดใสเปล่งปลั่ง ซึ่ง PCL สามารถอยู่ได้นานถึง 6-12 เดือน
  • ไหมน้ำแบบสาร PDO (Polydioxanone) เป็นสารที่มีความยืดหยุ่นสูงและช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน PDO เป็นสารที่มีความปลอดภัย ทำให้ยากต่อการแพ้ โดย PDO ช่วยให้ผิวหนังมีความแข็งแรงและยืดหยุ่น รวมถึงทำให้ผิวหนังดูเรียบเนียนและอ่อนเยาว์ขึ้น
  • ไหมน้ำแบบสาร PLLA (Poly-L-Lactic Acid) เป็นสารที่ผลิตมาจากธรรมชาติ โดยสกัดมาจากพืช จึงมีความปลอดภัยสูงและเข้ากันได้ดีกับร่างกาย โดย PLLA จะกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ ช่วยให้ผิวฟูขึ้น ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์ เต่งตึง และเรียบเนียนขึ้น ซึ่งผลลัพธ์อยู่ได้นานถึง 2 ปี
  • ไหมน้ำแบบสาร PDLLA (Poly D-L-Lactic Acid) เป็นสารที่มีโมเลกุลขนาดใหญ่ เมื่อทำการฉีดสาร PDLLA เข้าสู่ผิว จะช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวหนังมีความแข็งแรง ช่วยเติมเต็มรอยร่องลึก และช่วยยกกระชับผิวหนัง

ฉีดไหมน้ำ ช่วยเรื่องอะไร

การฉีดไหมน้ำ เป็นการรักษาที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย เนื่องจากช่วยแก้ปัญหาผิวได้หลากหลายประการ เช่น ช่วยให้ผิวกระชับ เต่งตึง ลดเลือนริ้วรอย ทำให้ผิวเรียบเนียนและดูอิ่มฟู นอกจากนี้ ไหมน้ำยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ซึ่งเป็นโปรตีนที่สำคัญในการทำให้ผิวแข็งแรงและยืดหยุ่น ช่วยลดรูขุมขนให้เล็กลง ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอและกระจ่างใสขึ้น ผลลัพธ์ที่ได้คือผิวพรรณที่ดูอ่อนเยาว์ สุขภาพดี และมีออร่ามากยิ่งขึ้น

ฉีดไหมน้ำ เหมาะกับใคร

การฉีดไหมน้ำเป็นเทคนิคเสริมความงามที่กำลังเป็นที่นิยม เนื่องจากไหมน้ำจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ ทำให้ผิวหนังเต่งตึง เรียบเนียน และดูอ่อนกว่าวัย จึงเหมาะสำหรับบุคคล ดังต่อไปนี้

  • บุคคลที่ต้องการเห็นผลลัพธ์ทันที ไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้น และไม่ต้องทำการผ่าตัด
  • บุคคลที่มีปัญหาเกี่ยวกับริ้วรอยและรอยร่องลึก ไม่ว่าจะเป็นร่องแก้ม ร่องหางตา หรือริ้วรอยบริเวณหน้าผาก
  • บุคคลที่ต้องการแก้ไขปัญหาผิวหนังหย่อนคล้อย ให้ผิวหนังเต่งตึง
  • บุคคลที่มีปัญหาเกี่ยวกับรูขุมขนกว้าง
  • บุคคลที่มีปัญหาผิวหนังไม่เรียบเนียน และต้องการลดเลือนรอยแผลเป็นขนาดเล็ก
  • บุคคลที่ต้องการแก้ไขปัญหาผิวหนังหมองคล้ำ และดูอิดโรย
  • บุคคลที่ต้องการให้ผิวหนังดูอ่อนกว่าวัย ให้ผิวหนังดูอิ่มฟู และผิวพรรณเปล่งปลั่ง

ฉีดไหมน้ำ จุดไหนได้บ้าง

โดยปกติไหมน้ำ สามารถฉีดได้หลายบริเวณของใบหน้าและร่างกาย ดังนี้

  • แก้ม
  • ร่องแก้ม
  • รอบดวงตา
  • ใต้ตา
  • หน้าผาก
  • คาง
  • ขมับ
  • ลำคอ
  • หลังมือ

ข้อดี – ข้อเสีย ของการฉีดไหมน้ำ

ข้อดี ของการฉีดไหมน้ำข้อเสีย ของการฉีดไหมน้ำ
– ไหมน้ำมีความปลอดภัยสูง สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันที ไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้น
– ไหมน้ำช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหนัง
– ไหมน้ำให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ ดูไม่แข็งทื่อ และผลลัพธ์คงอยู่นาน
– ไหมน้ำกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวหนังดูอิ่มน้ำ มีความเต่งตึง และยืดหยุ่นมากขึ้น
– ไหมน้ำช่วยแก้ไขปัญหาผิวหย่อนคล้อย ริ้วรอย และปรับรูปหน้าให้ดูเรียวเล็ก
ช่วยลดริ้วรอยให้ตื้นขึ้นและจางลง โดยเฉพาะบริเวณร่องแก้มหรือใต้ตา เป็นต้น
– หลังฉีดไหมน้ำอาจทำให้เกิดรอยช้ำ อาการบวม หรือรอยแดงบริเวณที่ฉีด
– การฉีดไหมน้ำให้ผลลัพธ์ที่ไม่ถาวร จำเป็นต้องฉีดซ้ำเป็นระยะ
– หากฉีดโดยแพทย์ที่ไม่มีความชำนาญ อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์

ไหมน้ำ ยี่ห้อไหนดี ?

อย่างที่ทราบกับ ไหมน้ำ เป็นเทคนิคการเสริมความงาม ที่กำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบัน โดยหากถามว่ายี่ห้อไหนดี ต้องบอกเลยว่า ทุกยี่มีข้อดีที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับการเลือกใช้งานกับปัญหาที่ต้องการแก้ไข รวมถึงราคาด้วยเช่นกัน แต่ถ้าเป็นยี่ห้อที่นิยมในประเทศไทย จะมี Sculptra, Juvelook, Radiesse และ Rejuran

Sculptra (สเกาตร้า) คือ ชื่อการค้าของสารออกซีไลฟิลลิคอะไซด์ (Poly-L-lactic acid) จัดอยู่ในกลุ่ม Collagen Biostimulator เป็นสารฉีดกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนของตัวเราเองตามกระบวนการธรรมชาติ ช่วยคืนความอ่อนเยาว์ให้กับผิว โดยทำให้ผิวแน่นอิ่มฟู ยกกระชับบริเวณผิวหย่อนคล้อย ปรับปรุงคุณภาพผิวให้ดียิ่งขึ้น โดย SCULPTRA เป็น Collagen stimulator ตัวแรกของโลก และเป็นตัวเดียวที่ผ่านการรับรองจาก US FDA ทำให้มั่นใจได้ว่ามีความปลอดภัยสูง และผลลัพธ์ที่ได้ก็ดูเป็นธรรมชาติแบบค่อยเป็นค่อยไปอย่างต่อเนื่อง รวมถึงไม่มีผลหรืออาการข้างเคียงใด ๆ ให้กังวล

Juvelook คือ ผลิตภัณฑ์ที่ถูกผลิตขึ้นมาจากคอลลาเจนบูสเตอร์ ที่ช่วยกระตุ้นในเกิดการสร้างคอลลาเจน โดยมีส่วนประกอบหลักอย่าง กรดไฮยาลูโรนิกแอซิคประเภท Non-crosslinked (Hyaluronic Acid) และ Poly D, L Lactide (PLA) ที่มีขนาดอนุภาคที่เล็ก ตั้งแต่ 10 – 40 ไมโครเมตร เป็นสารที่มีความบริสุทธิ์ไม่ผ่านการตัดแต่งพันธุกรรม และเป็นสารที่เข้ากับร่างกายได้ดีที่สุด ไม่เป็นอันตราย นอกจากนี้ยังช่วยในเรื่องการกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวหนัง ทำให้ผิวหนังดูเรียบเนียน ช่วยปรับริ้วรอยร่องลึก รอยหลุมสิว รอยแผลเป็นให้ดูตื้นขึ้น ช่วยฟื้นฟูผิวหนังให้มีความกระจ่างใส สีผิวมีความสม่ำเสมอ พร้อมช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิวหนังดูอิ่มน้ำมากขึ้น Juvelook ให้ผลลัพธ์คงอยู่นานถึง 2 ปี

Radiesse เป็นยี่ห้อของสารเติมเต็มชนิดหนึ่ง ที่มีส่วนประกอบหลัก คือ CaHA (Calcium Hydroxylapatite แคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทต์) ซึ่งเป็นสารที่อยู่ในกลุ่มของสารกระตุ้นคอลลาเจน คุณสมบัติของ Radiesse จะช่วยการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และสารอีลาสติน ส่งผลให้ผิวหนังเกิดความแข็งแรง มีความเต่งตึง ช่วยเติมเต็มร่องลึก ช่วยเพิ่มวอลลุ่มให้กับผิวหน้า ช่วยลดริ้วรอยร่องลึก และช่วยให้ใบหน้าแลดูอ่อนวัย

Rejuran (รีจูรัน) คือ ผลิตโดยบริษัท Pharma Research Products Co., Ltd. ประเทศเกาหลีใต้ โดยรีจูรันจะถูกจัดอยู่ในประเภทของเมโสหน้าใส ที่มีส่วนประกอบหลักมาจาก Polynucleotide หรือ PN บริสุทธิ์แบบเข้มข้น ที่ถูกสกัดมาจากชิ้นส่วนของ DNA Salmon ที่อยู่ในทะเลธรรมชาติ ซึ่งส่วนประกอบนี้มีส่วนคล้ายคลึงกับ DNA มนุษย์ เมื่อทำการฉีด Rejuran เข้าตรงบริเวณผิวหนังแท้ จะทำให้ผิวหนังมีความแข็งแรง ช่วยในเรื่องของการลดริ้วรอย ช่วยเรื่องกระชับรูขุมขน ช่วยลดความมันบนใบหน้า ช่วยในเรื่องการปรับสภาพสีผิวให้มีความฉ่ำวาว ทำให้ผิวหนังดูอ่อนกว่าวัย เป็นต้น

คำถามที่พบบ่อย

ผลลัพธ์หลังฉีดไหมน้ำ เห็นผลทันทีไหม ?

ผลลัพธ์หลังจากการฉีดไหมน้ำสามารถเห็นได้ทันที โดยหลังฉีด ผิวจะดูอิ่มฟูขึ้นและมีความฉ่ำวาว แต่ผลลัพธ์ที่เต็มที่อาจใช้เวลาประมาณ 2 – 4 สัปดาห์ และจะเห็นผลได้เต็มที่ที่สุดประมาณ 3 – 6 เดือน เนื่องจากสารบำรุงในไหมน้ำต้องใช้เวลาในการกระจายตัวและทำงานกับเซลล์ผิว ทั้งนี้ ผลลัพธ์จะขึ้นอยู่กับสภาพผิวและประเภทไหมน้ำที่ใช้ด้วย

ฉีดไหมน้ำ ผลลัพธ์อยู่ได้นานไหม ?

ผลลัพธ์หลังจากการฉีดไหมน้ำสามารถคงอยู่ได้ประมาณ 6 – 12 เดือน โดยผลลัพธ์ของการฉีดไหมน้ำอยู่ได้นานแค่ไหนนั้น ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ชนิดของไหมน้ำที่ใช้ สภาพผิวของแต่ละบุคคล และการดูแลหลังการรักษา ซึ่งไหมน้ำที่ถูกฉีดเข้าไปจะค่อยๆ ถูกดูดซึมและสลายไปตามธรรมชาติ หากต้องการรักษาผลลัพธ์ให้อยู่ได้นาน ควรมีการฉีดซ้ำตามคำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

ฉีดไหมน้ำ บวมกี่วัน ?

หลังจากการฉีดไหมน้ำ บางคนอาจมีอาการบวมเล็กน้อยในบริเวณที่ฉีด ซึ่งเป็นอาการปกติและมักจะหายไปภายใน 1-3 วัน อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาที่บวมอาจแตกต่างกันไปตามสภาพผิวและการตอบสนองของร่างกายแต่ละคน หากมีอาการบวมมากเป็นเวลานาน ควรปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติม ซึ่งทางหมอส้ม หมอเกรซ และทีมแพทย์ Mudan Pavilion ยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย