เผย 10 วิธีหน้าเด็ก ใส ขาว ทำยังไง? ย้อนวัยโดนไม่ต้องผ่าตัด

เผยวิธีหน้าเด็ก ใส ขาว

การมีผิวหน้าที่ดูเด็กแลดูอ่อนเยาว์และสดใสเป็นความปรารถนาของหลาย ๆ คน การย้อนวัยให้ผิวหน้าดูเด็กลงโดยไม่ต้องพึ่งการผ่าตัดนั้นสามารถทำได้หลายวิธี ตั้งแต่การดูแลผิวประจำวันไปจนถึงเทคนิคเฉพาะทางที่ช่วยฟื้นฟูผิวในระดับลึก ในบทความนี้เราจะพาคุณไปพบกับ วิธีที่ช่วยให้ผิวหน้าของคุณดูเด็กแลดูอ่อนเยาว์ กระจ่างใส โดยไม่ต้องเสี่ยงต่อการผ่าตัด มาดูกันว่ามีวิธีไหนบ้างที่จะช่วยให้คุณย้อนวัยได้อย่างปลอดภัยและเห็นผลจริง

เผยวิธีหน้าเด็ก ใส ขาว

สาเหตุของผิวหน้าที่เริ่มเสื่อมสภาพ

ผิวหน้าที่เริ่มเสื่อมสภาพมักเกิดจากหลายปัจจัย ทั้งจากภายในร่างกายและภายนอก ปัจจัยเหล่านี้สามารถทำให้ผิวดูหมองคล้ำ มีริ้วรอย และสูญเสียความยืดหยุ่น โดยสาเหตุหลักๆ ที่ทำให้ผิวหน้าเสื่อมสภาพมีดังนี้

  • การลดลงของคอลลาเจนและอิลาสติน เมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายจะผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินได้น้อยลง ส่งผลให้ผิวขาดความยืดหยุ่น เกิดริ้วรอยและร่องลึก
  • การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน โดยเฉพาะในช่วงวัยหมดประจำเดือน ทำให้ผิวแห้งและบางลง รวมถึงการผลิตน้ำมันตามธรรมชาติลดลง ส่งผลให้ผิวสูญเสียความยืดหยุ่นและเกิดริ้วรอยง่ายขึ้น
  • ผลกระทบจากแสงแดด รังสี UV จากแสงแดดเป็นตัวการสำคัญที่ทำลายคอลลาเจนและอิลาสตินในผิว ทำให้ผิวหมองคล้ำ เกิดฝ้า กระ และริ้วรอย นอกจากนี้ยังเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดริ้วรอยก่อนวัยได้อย่างรวดเร็ว
  • การพักผ่อนไม่เพียงพอ การนอนหลับไม่เพียงพอจะทำให้กระบวนการฟื้นฟูผิวในช่วงกลางคืนทำงานไม่เต็มที่ ทำให้ผิวดูเหนื่อยล้าและไม่สดใส
  • การสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ นิโคตินและสารเคมีในบุหรี่สามารถทำลายคอลลาเจนและทำให้หลอดเลือดหดตัว ทำให้ผิวดูหมองคล้ำและแก่ก่อนวัย ส่วนการดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไปจะทำให้ร่างกายขาดน้ำ ส่งผลให้ผิวแห้งและขาดความชุ่มชื้น ทำให้ผิวดูไม่สดใส
  • มลภาวะและสิ่งแวดล้อม ฝุ่นละอองและสารพิษในอากาศจะกระตุ้นให้เกิดอนุมูลอิสระที่ทำลายเซลล์ผิว ส่งผลให้ผิวเสื่อมสภาพเร็วขึ้น นอกจากนี้ยังทำให้เกิดปัญหาสิวและผิวแห้งได้อีกด้วย
  • ความเครียด เมื่อร่างกายเครียด การผลิตฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) จะเพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลให้ผิวเกิดการอักเสบและทำลายคอลลาเจน

ทำไมต้องทำให้หน้าเด็ก ใส ขาว

การมีผิวหน้าดูเด็กแลดูอ่อนเยาว์ สดใส มักบ่งบอกถึงผิวที่มีสุขภาพดี ผิวหน้าที่ไม่แห้งกร้าน ไม่มันเยิ้ม ไม่มีสิว ไร้ฝ้าและจุดด่างดำ เป็นสัญญาณของผิวที่แข็งแรง ช่วยเสริมสร้างความมั่นใจให้กับตนเอง ส่งเสริมภาพลักษณ์ให้ดูดีตามโหงวเฮ้งใบหน้าของศาสตร์จีน ส่งเสริมทางด้านหน้าที่การงาน และความน่าเชื่อถือ ซึ่งสำหรับบางอาชีพ เช่น พนักงานขาย พนักงานต้อนรับหรือผู้ที่ใช้ใบหน้าในการประกอบอาชีพ การมีใบหน้าที่ดูเด็กแลดูอ่อนเยาว์ ขาวใส จะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือ รวมถึงการเข้าสังคมด้วย เนื่องจากการมีใบหน้าที่ขาว ใส ดูอ่อนกว่าวัย จะช่วยสร้างความประทับใจแรกพบในสถานการณ์ทางสังคมได้อีกด้วย

การทำให้หน้าเด็ก เหมาะกับใคร ?

ใบหน้าเด็ก จะมีผิวหนังที่เรียบเนียน ไม่มีริ้วรอย มีสีผิวที่มีความสม่ำเสมอ ไม่หมองคล้ำ และผิวหนังจะดูชุ่มชื้น ซึ่งการทำให้หน้าเด็ก จึงเหมาะกับบุคคลที่มีลักษณะ ดังนี้

  • บุคคลทุกเพศ ทุกวัย ที่ต้องการดูแลผิวพรรณให้ดูอ่อนกว่าวัย
  • บุคคลที่ต้องการรักษาความอ่อนวัย ซึ่งจะช่วยสร้างภาพลักษณ์ให้ดูสดใส และทำให้ดูกระฉับกระเฉง
  • บุคคลที่ต้องการลดเลือนริ้วรอยร่องลึก หรือคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับผิวหนังหย่อนคล้อย
  • บุคคลที่ทำสายอาชีพที่ต้องใช้หน้าตา และความน่าเชื่อถือ เช่น นักแสดง พนักงานขาย นักกฎหมาย เป็นต้น
  • บุคคลที่ต้องการสร้างภาพลักษณ์ที่ดี โดยปัจจุบันภาพลักษณ์เป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้นการมีใบหน้าที่ดูเด็กจะทำให้บุคคลนั้นดูทันสมัย

10 วิธีดูแลให้หน้าเด็ก ใส ขาว ต้องทำยังไง

1. การดื่มน้ำอย่างเพียงพอ

การดื่มน้ำอย่างเพียงพอ น้ำเป็นส่วนประกอบสำคัญในร่างกาย โดยน้ำจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหนัง ทำให้ผิวหนังไม่แห้งกร้าน ผิวหน้าดูสุขภาพดี ระบบไหลเวียนเลือดมีการไหลเวียนได้ดี รวมถึงระบบขับถ่ายของเสียของร่างกายออกได้อย่างดีเช่นกัน

2. การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์

การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น การรับประทานผักใบเขียว การรับประทานปลาทะเล และการรับประทานผลไม้จำพวกตระกูลเบอร์รี่ เป็นต้น อาหารประเภทนี้จะช่วยต้านสารอนุมูลอิสระ และช่วยชะลอการเสื่อมของเซลล์ผิวหนัง

3. การนอนพักผ่อนให้เพียงพอ

การนอนพักผ่อนให้เพียงพอ เพราะขณะที่เรานอนหลับร่างกายจะเกิดการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ และสร้างเซลล์ขึ้นมาใหม่ แต่หากร่างกายมีการพักผ่อนไม่เพียงพอ จะทำให้ร่างกายเกิดความเหนื่อยล้า ทำให้ใบหน้ามีความหมองคล้ำ ใต้ตาคล้ำ และขอบตาดำ นอกจากนี้ยังทำให้ผิวหนังเกิดความหย่อนคล้อย ใบหน้ามีริ้วรอยและทำให้ใบหน้าดูแก่ก่อนวัย

Sun Protection

4. การทาครีมกันแดดเป็นประจำ

การทาครีมกันแดดเป็นประจำ เนื่องจากแสงแดด มีรังสี UV ที่เป็นปัจจัยคอยทำร้ายคอลลาเจน และอีลาสตินที่อยู่ในผิวหนัง ทำให้ผิวหนังขาดความชุ่มชื้น ผิวหนังขาดความสมดุล และทำให้ผิวหนังขาดความยืดหยุ่น ส่งผลให้ผิวหนังเกิดรอยย่นและเกิดริ้วรอยได้

5. การออกกำลังกายเป็นประจำ

การออกกำลังกายเป็นประจำ เมื่อคนเรามีอายุที่เพิ่มมากขึ้น ระบบการไหลเวียนเลือดจะเสื่อมลง ทำให้ผิวหนังไม่เปล่งปลั่ง และไม่สดใส ซึ่งการออกกำลังสัปดาห์ละ 2 – 3 ครั้ง ครั้งละ 30 นาที จะช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือด ระบบทางเดินหายใจ และระบบอื่นๆ ภายในร่างกายมีการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงยังช่วยให้ร่างกายเกิดการเผาผลาญ  ส่งผลให้ใบหน้าดูเด็ก ผิวหน้าดูสุขภาพดีและช่วยให้ร่างกายแข็งแรง

6. การทำความสะอาดใบหน้าอย่างถูกวิธี

การทำความสะอาดใบหน้าอย่างถูกวิธี ควรล้างหน้าด้วยน้ำอุณหภูมิห้อง ไม่ควรใช้น้ำที่ร้อนเกินไป เนื่องจากความร้อนจะดึงเอาความชุ่มชื้นออกจากผิวหนัง ทำให้ผิวหนังแห้งตึง ผิวหนังมีความหยาบกร้าน และอาจทำใหใบหน้าเกิดริ้วรอยได้ง่าย รวมถึงไม่ควรถูใบหน้าแรงๆ

7. การสครับผิวหน้าเพื่อผลัดเซลล์ผิว

การสครับผิวหน้าเพื่อผลัดเซลล์ผิว ควรเลือกใช้เนื้อสครับเล็กละเอียด และควรทำการสครับอย่างน้อย 1 – 2 ครั้งต่อสัปดาห์   ซึ่งการสครับผิวจะช่วยกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ทำให้ผิวหนังมีความเรียบเนียนขึ้น และทำให้ผิวหน้าดูอ่อนกว่าวัย

8. การจัดการความเครียด

การจัดการความเครียด เนื่องจากเมื่อคนเราเกิดความเครียด ร่างกายจะเกิดการหลั่งฮอร์โมน ที่มีชื่อว่า ฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ที่ส่งผลให้ต่อมไขมันเกิดการผลิตไขมันออกมามากเกินไป จนเป็นสาเหตุของการเกิดสิว และจุดด่างดำ จนอาจเป็นสาเหตุให้ผิวหนังมีสีที่ไม่เท่ากัน

9. งดการสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์

งดการสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์ เนื่องจากสารที่อยู่ในบุหรี่ จะเข้าไปยับยั้ง และทำลายการสร้างคอลลาเจน และสารอีลาสตินใต้ผิวหนัง ยิ่งมีการสูบบุหรี่เป็นประจำจะทำให้ผิวเกิดการเสื่อมสภาพได้เร็วขึ้น

10. ใช้เทคโนโลยีความงาม

ใช้เทคโนโลยีความงาม ปัจจุบันเทคโนโลยีความงามก้าวหน้าไปมาก มีหลากหลายวิธีที่ช่วยให้คุณดูอ่อนเยาว์ขึ้นได้ โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ว่าจะเป็น ฉีดฟิลเลอร์ ฉีดโบท็อกซ์ ฉีดเมโสหน้าใส ใช้คลื่นเสียง (Ultherapy) และ ใช้คลื่นวิทยุความถี่สูง (Thermage) เพื่อการกระตุ้นคอลลาเจนบนใบหน้า

ควรเริ่มดูแลผิวหน้าตั้งแต่อายุเท่าไหร่ ?

การเริ่มดูแลผิวหน้าไม่มีกฎตายตัวว่าควรเริ่มเมื่อไหร่ดีที่สุด แต่การดูแลผิวตั้งแต่อายุยังน้อยจะช่วยป้องกันและชะลอการเสื่อมสภาพของผิวในระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งสามารถแบ่งเป็นช่วงอายุและแนวทางการดูแลผิวได้ดังนี้

ช่วงวัยรุ่น (อายุ 12-18 ปี) : เน้นการทำความสะอาดผิวอย่างอ่อนโยน ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยควบคุมความมันและรักษาสิว หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีแรง ๆ ที่อาจทำให้ผิวระคายเคือง

ช่วงวัย 20-30 ปี : เพิ่มการบำรุงผิวด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ และเริ่มใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารต้านอนุมูลอิสระเพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพของผิว รวมถึงทาครีมกันแดดเป็นประจำเพื่อปกป้องผิวจากรังสี UV

ช่วงวัย 30 ปีขึ้นไป : ควรเริ่มใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เช่น ครีมที่มีส่วนผสมของเรตินอล หรือวิตามินซีเข้มข้น หรือบางคนอาจจะใช้เทคโนโลยีเข้าช่วย เช่น เลเซอร์, ไฮฟู (HIFU), หรือการฉีดฟิลเลอร์ เป็นต้น