ใบหน้า เป็นสิ่งแรกที่คนส่วนใหญ่มักจะมองเห็น ซึ่งหากบุคคลใดมีปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อย อาจจะสร้างผลเสียมากมาย ไม่ว่าจะทำให้บุคคลนั้นสูญเสียความมั่นใจ หรืออาจจะทำให้บุคคลนั้นสูญเสียบุคลิก และภาพลักษณ์ โดยบทความฉบับนี้จะมาเผย 10 วิธียกกระชับใบหน้า เพื่อแก้ปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อย ซึ่งแต่ละวิธีก็ไม่จำเป็นต้องทำการผ่าตัด บางวิธีก็เห็นผลได้ทันทีอีกด้วย
วิธียกกระชับใบหน้า
- ยกกระชับใบหน้า คืออะไร
- ปัญหาที่การยกกระชับใบหน้าสามารถช่วยแก้ไขได้
- ข้อดีของการยกกระชับใบหน้า
- 10 วิธียกกระชับใบหน้า โดยไม่ต้องผ่าตัด
- การดูแลหลังฉีดฟิลเลอร์ยกกระชับใบหน้า
- สรุป
ยกกระชับใบหน้า คืออะไร
การยกกระชับใบหน้า คือ กระบวนการที่จะทำให้ผิวหน้ากลับมาเต่งตึง มีความกระชับ เรียวขึ้น และดูอ่อนกว่าวัย โดยจะอาศัยวิธีการต่างๆ อาทิเช่น การผ่าตัดโดยการศัลยกรรม การใช้เครื่องมือทางการแพทย์ หรือการใช้สารเติมเต็มอย่างฟิลเลอร์ ซึ่งการรักษาด้วยวิธีการต่างๆ เหล่านี้ จะแตกต่างกันไปตามระดับความรุนแรงของปัญหาผิวหนังหย่อนคล้อย ซึ่งควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้แพทย์ทำการวิเคราะห์และแนะนำวิธีที่เหมาะสมที่สุด
ปัญหาที่การยกกระชับใบหน้าสามารถช่วยแก้ไขได้
- ารยกกระชับใบหน้าช่วยแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับผิวหน้าหย่อนคล้อย
การเกิดผิวหน้าหย่อนคล้อย เป็นปัญหาที่กวนใจใครหลายคน และส่วนใหญ่จะพบในผู้ที่มีอายุมาก เนื่องจากเมื่อเรามีอายุที่เพิ่มขึ้น ร่างกายจะมีการผลิตคอลลาเจน และอีลาสตินน้อยลง รวมไปถึงการสูญเสียไขมันใต้ผิวหนัง ส่งผลให้ผิวหนังเกิดความหย่อนยาน ไม่กระชับ เป็นต้น ซึ่งการยกกระชับจะช่วยยกผิวหนัง และกล้ามเนื้อให้กับไปอยู่ที่ตำแหน่งเดิม และทำให้ผิวหน้ากลับมาเต่งตึง ผิวหน้ากระชับ และทำให้ใบหน้าดูอ่อนกว่าวัย - การยกกระชับใบหน้าช่วยแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับริ้วรอย
การเกิดริ้วรอยบนใบหน้า มีสาเหตุมาจากหลายปัจจัยไม่ว่าจะมาจาก แสงแดด การสูบบุหรี่ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือการพักผ่อนไม่เพียงพอ เป็นต้น ซึ่งการยกกระชับใบหน้าจะเข้าไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอีลาสตินใต้ผิวหนัง ส่งผลให้ผิวหน้าเกิดความเรียบเนียน เป็นต้น - การยกกระชับใบหน้าช่วยแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับรอยร่องลึก
รอยร่องลึก ไม่ว่าจะเป็น รอยร่องแก้ม ร่องใต้ตา และร่องจมูก สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย อาทิเช่น ร่างกายมีการผลิตคอลลาเจน และอีลาสตินน้อยลง รวมไปถึงการสูญเสียไขมันใต้ผิวหนัง ซึ่งการยกกระชับจะช่วยให้รอยร่องลึกมีความตื้นขึ้น - การยกกระชับใบหน้าช่วยแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับรูปหน้าไม่กระชับ
การยกกระชับใบหน้าจะทำให้รูปหน้าที่ไม่กระชับ เกิดความกระชับมากขึ้น และยังช่วยให้รูปหน้ามีความเรียวสวยสมส่วน รวมไปถึงทำให้กรอบหน้ามีความคมชัด
ข้อดีของการยกกระชับใบหน้า
ข้อดีของการยกกระชับใบหน้า ได้แก่
- ช่วยให้ผิวหน้ากลับมาเต่งตึง มีความกระชับ ทำให้ใบหน้าดูอ่อนกว่าวัย
- ช่วยทำให้รอยร่องลึก ไม่ว่าจะเป็น รอยร่องแก้ม ร่องใต้ตา และร่องจมูก มีความตื้นขึ้น ทำให้ผิวหน้ามีความเรียบเนียน
- ช่วยในการปรับรูปหน้าให้มีความเรียวสวย แลทำให้กรอบหน้าชัดเจนมากขึ้น
- ช่วยป้องกันริ้วรอย และลดความหมองคล้ำ บนใบหน้า
- การยกกระชับด้วยการนวด ช่วยให้เกิดการกระตุ้นของการไหลเวียนของเลือด และน้ำเหลือง
- การยกกระชับด้วยการนวด ช่วยให้กล้ามเนื้อบนใบหน้าเกิดการผ่อนคลาย
- ช่วยเสริมโหงวเฮ้งใบหน้า สร้างความมั่นใจเกี่ยวกับด้านภาพลักษณ์
10 วิธียกกระชับใบหน้า โดยไม่ต้องผ่าตัด
1. โบท็อกยกกระชับใบหน้า
โบท็อกยกกระชับใบหน้า เป็นการเสริมความงามแบบไม่ต้องทำการผ่าตัด ซึ่งวิธีการรักษาทางแพทย์จะฉีดสารที่มีชื่อว่า โบทูลินัมท็อกซิน เอ (Botulinum toxin A) เข้าสู่บริเวณกล้ามเนื้อของใบหน้า โดยสารชนิดนี้จะช่วยลดการทำงานของกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อเกิดการคลายตัว ส่งผลให้ผิวหนังตรงบริเวณนั้นเกิดการยกตัวขึ้น จนทำให้ใบหน้าดูยกกระชับขึ้น และทำให้ริ้วรอยที่เกิดขึ้นบนใบหน้าลดน้อยลง รวมไปถึงช่วยให้กรอบหน้าดูชัดยิ่งขึ้น
2. ฟิลเลอร์ยกกระชับใบหน้า
ฟิลเลอร์ยกกระชับใบหน้า หนึ่งวิธียกกระชับใบหน้าแบบไม่ต้องผ่าตัดที่ได้รับความนิยม โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จะทำการฉีดสารเติมเต็มที่มีชื่อว่า ไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid) เข้าไปทดแทนไขมันที่มีการหดตัว หรือตรงกระดูกที่มีการยุบตัว รวมไปถึงช่วยในการพยุงโครงสร้างของผิวที่หายไป ซึ่งหลังจากทำการฉีดฟิลเลอร์จะทำให้ใบหน้าดูเต่งตึง มีความกระชับมาขึ้น และทำให้ใบหน้าดูอ่อนกว่าวัยอย่างเป็นธรรมชาติ ฟิลเลอร์ยกกระชับใบหน้าถ้ามีการดูแลหลังฉีดฟิลเลอร์ที่ถูกวิธี อาจส่งผลลัพธ์ได้นานถึง 2 ปี
3. ร้อยไหมยกกระชับใบหน้า
ร้อยไหมยกกระชับใบหน้า เป็นการรักษาโดยทางแพทย์จะใช้ไหมที่ละลายได้ ร้อยเข้าไปผิวหนังของใบหน้า ซึ่งไหมจะเข้าไปเกี่ยวกับเนื้อเยื่อของผิว และยกกระชับขึ้น การร้อยไหมจะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอีลาสตินใต้ผิวหนัง ส่งผลให้ใบหน้ากลับมาเต่งตึง และทำให้กรอบหน้าดูชัดยิ่งขึ้น โดยการร้อยไหมแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ร้อยไหมละลายและร้อยไหมไม่ละลาย สามารถอ่านต่อเพิ่มเติมได้ที่นี่ ร้อยไหม มีกี่แบบ ? ช่วยเรื่องอะไร ?
4. HIFU ไฮฟูยกกระชับใบหน้า
ไฮฟูยกกระชับใบหน้า (HIFU) เป็นการรักษาโดยทางแพทย์จะใช้คลื่นเสียง ultrasound ยิงลงไปที่ชั้นผิวหนัง ที่มีชื่อว่า SMAS ซึ่งคลื่น ultrasound จะทำให้ชั้นของผิวหนังเกิดการหดตัว เหมือนกับการเย็บที่เนื้อ ส่งผลลัพธ์ที่ให้ผิวหนังเกิดการยกกระชับ และทำให้ใบหน้าดูอ่อนกว่าวัย ไฮฟูยกกระชับใบหน้า (HIFU) จะคงผลลัพธ์ได้ถึง 6-12 เดือน
5. Ulthera ยกกระชับหน้า
Ulthera เป็นการยกกระชับใบหน้าโดยไม่ต้องทำการผ่าตัด ที่แพทย์จะใช้คลื่นความถี่สูง ยิงลงที่ผิวหนังชั้น SMAS ซึ่งจะเป็นชั้นของกล้ามเนื้อ และเนื้อเยื่อที่อยู่ใต้ผิวหนังชั้นหนังแท้ คลื่นความถี่สูงที่ยิงลงไปที่ผิวหนังจะทำให้เกิดความร้อน ความร้อนจะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายเกิดการสร้างคอลลาเจน และอีลาสตินขึ้นมาใหม่ ส่งผลให้ผิวหนังที่หน้าเกิดความแต่งตึง โดยผลลัพธ์จะค่อยๆ ชัดเจนขึ้นภายใน 3-6 เดือน และคงอยู่นาน 1-2 ปี
6. Thermage ยกกระชับใบหน้า
Thermage ยกกระชับใบหน้า เป็นการรักษาโดยจะมีการใช้คลื่น Radio Frequency ยิงลงไปที่ชั้นผิวหนังชั้นหนังแท้ และตรงไขมัน เพื่อกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง และเพื่อให้เกิดการยกกระชับขึ้น ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้จะทำให้ผิวมีความแน่นขึ้น ริ้วรอยมีความจางลงทำให้ผิวหนังเรียบเนียน และช่วยให้ไขมันบริเวณใบหน้าลดลง อย่างไรก็ตามควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณที่ทำการรักษา งดการทาครีมหรือเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของกรดหรือแอลกอฮอล์ และควรดื่มน้ำให้เพียงพอ เพื่อคงผลลัพธ์ให้ยาวนานที่สุด
7. เลเซอร์ยกกระชับใบหน้า
เลเซอร์ยกกระชับใบหน้า เป็นการรักษาโดยทางแพทย์จะทำการปล่อยพลังงานคลื่นแสง หรือคลื่นวิทยุ ยิงลงสู่ผิวหนัง เพื่อเข้าไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอีลาสตินใต้ผิวหนัง ซึ่งการยิงเลเซอร์จะทำให้ผิวหนังเกิดการหดตัว จนเกิดความกระชับ ผลลัพธ์จากการยิงเลเซอร์ จะทำให้ผิวหนังของใบหน้าเกิดความกระชับขึ้น และผิวหนังไม่มีริ้วรอย เลเซอร์ยกกระชับใบหน้าจะคงผลลัพธ์อยู่ได้นาน 1-2 ปี
8. นวดยกกระชับใบหน้า
การนวดกระชับใบหน้า เป็นการยกกระชับใบหน้าโดยการนวดกดจุด ซึ่งวิธีการรักษาจะใช้นิ้วมือนวดไปทีละจุด โดยเริ่มจากบริเวณหน้าแก้ม ร่องมุมปาก และร่องแก้ม การนวดจะนวดจุดละ 5 ครั้ง และทำการนวดหมุนรอบ ประมาณ 4 รอบ จากนั้นให้ใช้ฝ่ามือนวดตรงบริเวณคาง ลามไปที่หลังหู จนถึงลำคอ ทำแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมา จนครบ 5 ครั้ง การนวดกระชับใบหน้าเป็นการกระตุ้นเลือด และน้ำเหลืองเกิดการไหลเวียน ผลลัพธ์ที่ได้จะทำให้กล้ามเนื้อเกิดความผ่อนคลาย ผิวพรรณเกิดความเปล่งปลั่ง ใบหน้าดูสดใส และทำให้ใบหน้าดูอ่อนกว่าวัย รวมไปถึงช่วยลดริ้วรอย เป็นอีกวิธีที่ไม่ต้องทำการผ่าตัดใดๆ และสามารถทำได้เอง
9. โยคะหน้ายกกระชับใบหน้า
โยคะหน้ายกกระชับใบหน้า เป็นการออกกำลังกายแบบยืดเหยียด ที่จะเน้นตรงบริเวณกล้ามเนื้อ และเนื้อเยื่อของใบหน้า โดยจะนิยมใช้ท่าที่ชื่อว่า The Satchmo ซึ่งท่านี้จะเอาลมเข้าทางปาก จนทำให้แก้มเกิดการพองขึ้น จากนั้นเอาลมสลับไปมา ระหว่างแก้มซ้าย และแก้มขวา ทำแบบนั้น 3 ครั้ง การทำแบบนี้จะทำให้กล้ามเนื้อบริเวณแก้ม และผิวหนังของใบหน้า เกิดความกระชับ เป็นอีกวิธีที่ไม่ต้องทำการผ่าตัดใดๆ และสามารถทำได้เองเช่นกัน
10. ใช้ครีมยกกระชับใบหน้า
ใช้ครีมยกกระชับใบหน้า เป็นการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารที่จะช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจน และอีลาสตินใต้ผิวหนัง อาทิเช่น สารคอลลาเจน สารเรตินอล กรดไฮยาลูรอนิก และสารเปปไทด์ เป็นต้น โดยวิธีนี้อาจใช้เวลารักษานานกว่าจะเห็นผล และต้องทำอย่างต่อเนื่อง ถึงอย่างไรก็เป็นอีกวิธีที่ไม่ต้องทำการผ่าตัดใดๆ และสามารถทำได้เอง เพียงเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมและทำอย่างสม่ำเสมอ
การดูแลหลังฉีดฟิลเลอร์ยกกระชับใบหน้า
หนึ่งในวิธียอดนิยมของการยกกระชับใบหน้า นั้นคือการฉีดฟิลเลอร์ยกกระชับใบหน้า ซึ่งการดูแลหลังจากทำการฉีดฟิลเลอร์ เป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ และเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี ซึ่งข้อปฏิบัติหลังจากการฉีด มีรายละเอียดดังนี้
- 24 ชั่วโมงหลังจากทำการฉีด ควรหลีกเลี่ยงการล้างหน้า การออกกำลัง การโดนแสงแดด การทำกิจกรรมที่เกี่ยวกับความร้อน งดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และงดการสูบบุหรี่ เพราะอาจจะทำให้ฟิลเลอร์เกิดการเคลื่อนตัว และจะทำให้เกิดอาการบวมช้ำได้
- 3 วันหลังจากทำการฉีด อาจจะมีอาการบวมช้ำหลงเหลือ ตรงบริเวณที่ทำการฉีด ซึ่งอาการเหล่านี้จะหายภายใน 14 วัน ในระหว่างนี้ผู้ทำการฉีดควรมีการประคบเย็น ตรงบริเวณที่ทำการฉีด อย่างน้อยวันละ 3 ครั้ง ครั้งละ 20 นาที เพื่อลดอาการบวมช้ำ
- 14 วันหลังจากทำการฉีด ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัส หรือขยับบริเวณที่ทำการฉีดฟิลเลอร์
- 3 เดือนหลังจากการฉีด ผู้ทำการฉีดจะเห็นผลลัพธ์ขัดเจนมากขึ้น โดยฟิลเลอร์จะคงอยู่ได้นานถึง 1-2 ปี แต่จะขึ้นอยู้กับยี่ห้อของฟิลเลอร์ที่ทำการฉีด ตำแหน่งที่ฉีด และการดูแลหลังจากฉีด เป็นต้น
สรุป
สำหรับวิธียกกระชับใบหน้าในปัจจุบันนั้น มีด้วยกันหลากหลายวิธี ทั้งวิธีแบบธรรมชาติ เช่น โยคะหน้า นวดหน้า การใช้ครีมบำรุงผิว รวมถึงวิธีทางการแพทย์แบบไม่ผ่าตัด เช่น การร้อยไหม ฉีดฟิลเลอร์ และการทำ HIFU เป็นต้น ซึ่งวิธีไหนจะเหมาะกับใครนั้น ขึ้นอยู่กับปัญหาผิวหน้าและงบประมาณ โดยควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินสภาพผิวหน้าและวางแผนการรักษาที่เหมาะสม ทาง หมอส้ม หมอเกรซ และทีมแพทย์ Mudan Pavilion ยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย Inbox Facebook หรือ Add Line นี้ได้เลย คุณหมอตอบเองทุกเคส เพื่อช่วยให้คนไข้มีใบหน้าที่ยกกระชับ แลดูอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ