ริ้วรอยบนใบหน้าเป็นหนึ่งในสัญญาณของการมีอายุที่หลายคนต้องการหลีกเลี่ยงหรือชะลอการเกิด เพื่อให้ผิวหน้าดูอ่อนเยาว์และสดใส การลดริ้วรอยสามารถทำได้หลายวิธี ตั้งแต่การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวไปจนถึงการทำหัตถการเฉพาะทาง เช่น โบท็อก ฟิลเลอร์ หรือการใช้เทคโนโลยี HIFU ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้าและกระชับผิวหน้าได้อย่างเห็นผลทันที นอกจากนี้ยังมีสาเหตุที่ทำให้เกิดริ้วรอย เช่น การสูญเสียคอลลาเจน การออกแดดโดยไม่มีการปกป้อง และการขาดการดูแลผิวที่เหมาะสม บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับวิธีลดริ้วรอยและวิธีการป้องกัน เพื่อให้ผิวหน้าอ่อนเยาว์และกระจ่างใสตลอดไป
รวมวิธีลดริ้วรอยบนใบหน้า
- ริ้วรอยบนใบหน้า คืออะไร
- สาเหตุของการเกิดริ้วรอยบนใบหน้า
- ริ้วรอยบนใบหน้าส่งผลกระทบอะไรบ้าง
- วิธีลดริ้วรอยบนใบหน้าแบบเห็นผลทันที
- วิธีชะลอการเกิดริ้วรอยบนใบหน้า
ริ้วรอยบนใบหน้า คืออะไร
ริ้วรอยบนใบหน้า คือ ร่องรอยหรือเส้นบาง ๆ ที่ปรากฏบนใบหน้า ซึ่งมักเกิดจากการแสดงความรู้สึกและทำให้เกิดการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อบนใบหน้า เช่น การยิ้ม การขมวดคิ้ว หรือการทำท่าทางต่าง ๆ ที่ใช้กล้ามเนื้อบนใบหน้าเป็นประจำ ริ้วรอยสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งบนผิวหนังชั้นนอกและชั้นลึก โดยมักพบในบริเวณที่มีการเคลื่อนไหวบ่อย ๆ เช่น รอยตีนกา (บริเวณหางตา), ริ้วรอยหน้าผาก, หรือร่องแก้ม เป็นต้น
โดยริ้วรอบบนใบหน้านั้นจะสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทหลัก ๆ คือ
- ริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงออกทางสีหน้า (Dynamic wrinkles) เกิดจากการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อบนใบหน้าเมื่อแสดงอารมณ์หรือความรู้สึก เช่น การยิ้ม ขมวดคิ้ว หรือขยับปาก ซึ่งริ้วรอยเหล่านี้จะเห็นได้ชัดเมื่อเราทำการแสดงออก แต่จะหายไปเมื่อไม่แสดงอารมณ์
- ริ้วรอยที่เกิดจากการสูญเสียคอลลาเจน (Static wrinkles) เกิดจากการลดลงของคอลลาเจนและอีลาสตินในผิวหนัง เมื่ออายุมากขึ้นหรือจากการโดนแสงแดด โดยริ้วรอยประเภทนี้จะปรากฏอยู่ตลอดเวลา แม้จะไม่มีการเคลื่อนไหวของใบหน้า
สาเหตุของการเกิดริ้วรอยบนใบหน้า
สาเหตุของการเกิดริ้วรอยบนใบหน้ามีหลายปัจจัยที่สามารถกระตุ้นให้เกิดริ้วรอยได้เร็วขึ้นหรือทำให้ริ้วรอยดูเด่นชัดขึ้น โดยสาเหตุหลัก ๆ มีดังนี้
- การเสื่อมสภาพตามวัย เมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายจะผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินได้น้อยลง ทำให้ผิวหนังสูญเสียความยืดหยุ่น
- แสงแดด รังสี UV ในแสงแดดทำลายคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวหนังแก่เร็วขึ้น
- การแสดงออกทางสีหน้า การยิ้ม การขมวดคิ้วบ่อยครั้ง ทำให้เกิดรอยย่นซ้ำๆ
- พันธุกรรม พันธุกรรมมีส่วนสำคัญในการกำหนดว่าผิวหนังของเราจะแก่เร็วหรือช้า
- มลภาวะและสิ่งแวดล้อม มลภาวะจากการคมนาคม, ฝุ่น หรือสารเคมีในอากาศ สามารถทำลายเซลล์ผิวและกระตุ้นให้เกิดการอักเสบ ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดริ้วรอยและผิวหมองคล้ำ
- การขาดการดูแลผิวอย่างเหมาะสม การไม่ทำความสะอาดผิวหน้าอย่างสม่ำเสมอ หรือการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสมกับสภาพผิว อาจทำให้เกิดริ้วรอยได้เร็วขึ้น เนื่องจากผิวไม่ได้รับการบำรุงและการฟื้นฟูที่เหมาะสม
- ปัจจัยอื่น ๆ เช่น การสูบบุหรี่ การพักผ่อนไม่เพียงพอ ความเครียด และการขาดน้ำ
ริ้วรอยบนใบหน้าส่งผลกระทบอะไรบ้าง
ริ้วรอยบนใบหน้า นอกจากจะทำให้เราดูแก่กว่าวัยแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อความมั่นใจและจิตใจของเราได้อีกด้วย โดยผลกระทบที่เกิดขึ้นอาจรวมถึง
- ผลกระทบด้านความมั่นใจ ริ้วรอยบนใบหน้าอาจทำให้คนรู้สึกว่าผิวหน้าไม่เรียบเนียนและดูแก่กว่าวัย ซึ่งอาจส่งผลต่อความมั่นใจในตัวเอง โดยเฉพาะในคนที่ให้ความสำคัญกับลักษณะทางกายภาพ การมีริ้วรอยอาจทำให้รู้สึกไม่พอใจในลักษณะของตัวเอง
- ผลกระทบด้านความงาม ริ้วรอยมักถูกมองว่าเป็นสัญญาณของการเสื่อมสภาพของผิว ส่งผลให้ผิวดูหมองคล้ำหรือไม่สดใส และทำให้ใบหน้าดูไม่สดชื่น การเกิดริ้วรอยจึงอาจมีผลต่อรูปลักษณ์โดยรวมของคนเราที่ทำให้รู้สึกว่าไม่สวยงามเหมือนเมื่อก่อน
- ผลกระทบด้านสุขภาพผิว เมื่อริ้วรอยเริ่มลึกขึ้น ผิวอาจสูญเสียความยืดหยุ่นและความชุ่มชื้น ซึ่งส่งผลให้ผิวไม่สามารถรักษาความกระชับและอ่อนเยาว์ได้ดีเท่าที่ควร นอกจากนี้ริ้วรอยยังอาจบ่งชี้ถึงการขาดการดูแลผิวหรือการเสื่อมสภาพของผิวที่เกิดจากการสัมผัสกับแสงแดดหรือมลภาวะ
- ผลกระทบด้านสังคมและอาชีพ แน่นอนว่าบางอาชีพต้องใช้ความสวยงามของใบหน้าในการประกอบอาชีพ บางคนอาจรู้สึกว่าริ้วรอยทำให้ดูแก่เกินไปหรือไม่เหมาะสมกับอาชีพนั้น ๆ เช่น ผู้ที่ทำงานในวงการบันเทิงหรือธุรกิจที่ต้องการภาพลักษณ์ดูสดใสและอ่อนเยาว์ ริ้วรอยอาจทำให้คนรู้สึกว่ามีอิทธิพลต่อโอกาสทางอาชีพได้
- ผลกระทบด้านอารมณ์ ริ้วรอยสามารถทำให้เกิดความรู้สึกเศร้าหรือเครียดได้ โดยเฉพาะในผู้ที่ให้ความสำคัญกับการดูแลตัวเอง และบางครั้งอาจทำให้เกิดอาการวิตกกังวลเกี่ยวกับภาพลักษณ์และความสามารถในการรักษาความงามในระยะยาว
วิธีลดริ้วรอยบนใบหน้าแบบเห็นผลทันที
1. ฉีดฟิลเลอร์
การฉีดฟิลเลอร์ลดริ้วรอยบนใบหน้า เป็นหนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมในการลดริ้วรอยบนใบหน้าและเติมเต็มร่องลึกบนใบหน้า โดยเฉพาะริ้วรอยลึกและร่องที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติเมื่ออายุมากขึ้น ซึ่งการฉีดสารเติมเต็มไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid) สารที่พบได้ตามธรรมชาติในร่างกาย เข้าไปในบริเวณที่ต้องการปรับปรุง สารตัวนี้จะเข้าไปทำการจับกับโมเลกุลของน้ำ ทำให้ผิวดูอิ่มฟู ริ้วรอยร่องลึกตื้นขึ้น และริ้วรอยจางลง เรียบเนียน แลดูอ่อนเยาว์ขึ้น ซึ่งเป็นหนึ่งในวิธีลดริ้วรอยบนใบหน้าที่เห็นผลได้ทันที
2. ฉีดโบท็อก
การฉีดโบท็อกเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมในการลดริ้วรอยบนใบหน้า โดยเฉพาะริ้วรอยที่เกิดจากการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ เช่น ริ้วรอยบนหน้าผาก, รอยตีนกา (รอบดวงตา), และร่องระหว่างคิ้ว โดยโบท็อกหรือโบทูลินัมท็อกซิน (Botulinum toxin) นั้นเป็นสารที่สกัดมาจากแบคทีเรีย มีคุณสมบัติในการคลายกล้ามเนื้อ เมื่อฉีดเข้าไปในบริเวณที่มีริ้วรอย โบท็อกจะไปบล็อกการส่งสัญญาณประสาทไปยังกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อส่วนนั้นหยุดทำงานชั่วคราว ส่งผลให้ริ้วรอยที่เกิดจากการหดตัวของกล้ามเนื้อค่อย ๆ จางหายไป ผลลัพธ์ที่ได้คือผิวหน้าเรียบเนียนขึ้น ริ้วรอยลดลง และยังช่วยป้องกันการเกิดริ้วรอยใหม่ได้อีกด้วย
3. ร้อยไหม
การร้อยไหม เป็นเทคนิคที่ใช้ในการยกกระชับผิวหน้าและลดริ้วรอย โดยการนำเส้นไหมที่มีเงี่ยงเล็กๆ สอดเข้าไปใต้ผิวหนัง ซึ่งเมื่อเส้นไหมสัมผัสกับเนื้อเยื่อ ก็จะเกิดการกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินขึ้นมาใหม่ เมื่อไหมถูกฝังลงไปในผิวหนัง เส้นไหมจะช่วยดึงกระชับผิวให้อยู่ในตำแหน่งที่ต้องการและกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนรอบ ๆ บริเวณที่ไหมฝังอยู่ ส่งผลให้ผิวหน้าดูยกกระชับขึ้น ลดเลือนริ้วรอยและทำให้ผิวหนังมีความยืดหยุ่นมากขึ้นในระยะยาว อีกทั้งการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนยังช่วยปรับผิวให้ดูเรียบเนียนและฟื้นฟูความอ่อนเยาว์ ทำให้ริ้วรอยที่เกิดจากการสูญเสียคอลลาเจนลดลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4. เลเซอร์
หลักการทำงานของเลเซอร์ในการลดริ้วรอยบนใบหน้านั้นค่อนข้างซับซ้อน แต่โดยสรุปแล้ว เลเซอร์จะปล่อยพลังงานแสงไปกระตุ้นให้ชั้นผิวหนังเกิดการเปลี่ยนแปลง ทำให้ร่างกายเร่งการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ ช่วยให้ผิวกระชับขึ้นและลดริ้วรอยที่เกิดจากการเสื่อมสภาพตามวัยหรือแสงแดด การใช้เลเซอร์ชนิดต่างๆ เช่น Fractional CO2 หรือ Q-switch laser จะช่วยผลัดเซลล์ผิวที่เสียหายออกไปและกระตุ้นการสร้างผิวใหม่ที่เรียบเนียนและกระชับกว่าเดิม ผลลัพธ์ที่ได้คือผิวหน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้น ริ้วรอยตื้นขึ้น และสีผิวสม่ำเสมอมากขึ้น โดยไม่ต้องพักฟื้นนานและสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ
5. HIFU
โดยหลักการทำงานของ HIFU (High Intensity Focused Ultrasound) คือการใช้คลื่นเสียงความถี่สูงพลังงานสูง (High-Intensity Focused Ultrasound) ยิงลงไปในชั้นผิวหนัง ทำให้เกิดความร้อนในจุดที่ต้องการ โดยเฉพาะชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นเนื้อเยื่อที่รองรับกล้ามเนื้อใบหน้า เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ทำให้ผิวกระชับขึ้น ริ้วรอยตื้นขึ้น และใบหน้าดูยกกระชับ และดูอ่อนเยาว์มากขึ้น ผลลัพธ์ที่ได้จะค่อยๆ ปรากฏชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ หลังทำประมาณ 1-3 เดือน และผลลัพธ์จะคงอยู่ได้นานหลายปี ขึ้นอยู่กับการดูแลผิวและปัจจัยอื่น ๆ
วิธีชะลอการเกิดริ้วรอยบนใบหน้า
- การใช้ครีมกันแดด
การป้องกันผิวจากแสงแดดเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพราะแสงแดดมีรังสี UVA และ UVB ที่ทำให้ผิวเสียหายและเกิดริ้วรอยได้เร็วกว่าปกติ ควรใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไปทุกครั้งที่ออกจากบ้าน แม้ในวันที่มีเมฆ - การดื่มน้ำเพียงพอ
การดื่มน้ำให้เพียงพอจะช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและลดการแห้งกร้าน ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดริ้วรอยได้ง่ายขึ้น การดื่มน้ำอย่างน้อย 8 แก้วต่อวันจะช่วยให้ผิวอ่อนเยาว์และกระจ่างใส - การใช้มอยส์เจอไรเซอร์
การใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่เหมาะสมกับประเภทผิวของคุณช่วยให้ผิวคงความชุ่มชื้น ลดการเกิดริ้วรอยจากการแห้งกร้าน - การหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์
การสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์ทำให้การไหลเวียนของเลือดในผิวหนังแย่ลง และยังทำให้คอลลาเจนและอีลาสตินในผิวลดลง ซึ่งทำให้ผิวไม่ยืดหยุ่นและเกิดริ้วรอยได้เร็วขึ้น - การรับประทานอาหารที่ดีต่อผิว
อาหารที่อุดมไปด้วยวิตามิน C และ E เช่น ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว (ส้ม, ฝรั่ง), ผักใบเขียว, ถั่ว และปลา (ที่มีกรดไขมันโอเมก้า 3) ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของผิวและปกป้องผิวจากการเกิดริ้วรอย - การนอนหลับให้เพียงพอ
การนอนหลับอย่างเพียงพอมีส่วนสำคัญในการฟื้นฟูผิว เนื่องจากในขณะนอนหลับ ร่างกายจะผลิตคอลลาเจนและซ่อมแซมเซลล์ผิวที่เสียหาย - การใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ
สารต่อต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามิน C, วิตามิน E และเรตินอล ช่วยลดความเสียหายจากอนุมูลอิสระที่มีผลทำให้ผิวแก่เร็วและเกิดริ้วรอย - การทำความสะอาดผิวอย่างอ่อนโยน
การล้างหน้าอย่างถูกวิธีและไม่ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีรุนแรงจะช่วยปกป้องผิวจากการระคายเคืองและความแห้งกร้านที่สามารถนำไปสู่การเกิดริ้วรอยได้ - การออกกำลังกาย
การออกกำลังกายเป็นประจำช่วยให้ระบบหมุนเวียนเลือดดีขึ้น ส่งผลให้ผิวพรรณดูสดใสและอ่อนเยาว์ - หลีกเลี่ยงการเครียด
ความเครียดเรื้อรังทำให้เกิดฮอร์โมนที่กระตุ้นการเสื่อมของผิว เช่น คอร์ติซอล (Cortisol) ซึ่งจะทำให้ริ้วรอยเกิดขึ้นเร็วขึ้น การฝึกหายใจลึก ๆ หรือการทำสมาธิช่วยลดความเครียดได้