ฟิลเลอร์กรอบหน้า Jawline Filler ให้หน้าเรียว กับสิ่งที่ควรรู้ก่อนฉีด

อีกหนึ่งจุดที่ฉีดฟิลเลอร์แล้วเรียกได้ว่าปรับโหวงเฮ้งชัดเจนที่สุดนั้นคือ การฉีดฟิลเลอร์กรอบหน้า (Jaw line filler) ให้หน้าเรียวนั้น ซึ่งใครที่กำลังจะศึกษาหรือหาคำตอบอยู่ว่า ฟิลเลอร์กรอบหน้า jawline คืออะไร? ราคาเท่าไหร่? หรืออยากทราบว่าทรงใบหน้ามีกี่แบบ บทความนี้มีทุกคำตอบ

สารบัญ ฟิลเลอร์กรอบหน้า Jawlain Filler

ฉีดฟิลเลอร์กรอบหน้า คือ?

ฟิลเลอร์กรอบหน้า (Jaw line filler) เป็นเทคนิคการปรับรูปหน้าด้วยการฉีดสารเติมเต็มฟิลเลอร์ในกลุ่มไฮยาลูรอนิค แอซิด (HA : Hyaluronic Acid) เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างของใบหน้า เช่น กรอบหน้าไม่ชัดเจน กรามดูใหญ่ ขากรรไกรไม่ได้รูป ช่วยทำให้ใบหน้าส่วนล่างมีความสมดุลมากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยกระชับผิวที่หย่อนคล้อยในบริเวณกรอบหน้าให้ดูเต่งตึงขึ้น
** กรอบหน้า คือ บริเวณแนวขากรรไกรล่าง นับรวมตั้งแต่บริเวณด้านหน้าของใบหูไปจรดถึงปลายคาง**

รูปทรงใบหน้า (Facial Shapes) มีกี่แบบ?

รูปทรงใบหน้าของเราแบ่งลักษณะรูปทรงของใบหน้า (Facial shape) ออกมาได้ประมาณ 9 รูปทรง ดังนี้

  1. ใบหน้ารูปไข่ (Oval Face) : ความยาวจะเท่ากับ 1 ½  ของความกว้าง หน้าผากจะกว้างกว่าคาง มีโหนกแก้มที่เห็นเด่นชัด และปลายคางเป็นรูปไข่แคบ
  2. ใบหน้ารียาว (Oblong Face) : ความยาวจะยาวกว่าความกว้าง  ความกว้างส่วนของหน้าผาก แก้มและกรามมีขนาดเท่าๆกัน คางค่อนข้างได้รูปสวย ใบหน้ามีลักษณะยาว
  3. ใบหน้าทรงกลม (Round Face) : ความกว้างของใบหน้าเท่ากับความยาว อาจจะต่างกันนิดหน่อยแต่โดยมากก็จะใกล้เคียงกัน ส่วนที่กว้างที่สุดของใบหน้าก็คือแก้ม
  4. ใบหน้าทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส (Square Face) : ความกว้างและความยาวมีขนาดใกล้เคียงกัน หน้าผาก โหนกแก้มและกรามมีความกว้างใกล้เคียงกัน กรามเป็นลักษณะค่อนข้างเหลี่ยม
  5. ใบหน้ารูปหัวใจ (Heart Face) : กรามแคบ โหนกแก้มและหน้าผากกว้าง ลักษณะคล้ายๆกับหน้ารูปไข่ แต่คางแหลม
  6. ใบหน้าทรงข้าวหลามตัดหรือรูปเพชร (Diamond Face) : บริเวณโหนกแก้มจะกว้างที่สุด ส่วนหน้าผากและกรามจะมีความกว้างใกล้เคียงกัน
  7. ใบหน้าทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า (Rectangle Face) : บริเวณส่วนหน้าผาก โหนกแก้มและกรามจะมีสัดส่วนที่เท่ากัน
  8. ใบหน้าทรงสามเหลี่ยม (Triangular Face) : จะตรงข้ามกับหน้ารูปหัวใจ โหนกแก้ม หน้าผากและขมับจะแคบ
  9. ใบหน้าทรงหกเหลี่ยม (Heptagon Face) 

สัดส่วนกรอบหน้าที่เหมาะสมที่สุด เป็นแบบไหน?

กรอบหน้า คือ บริเวณแนวขากรรไกรล่าง นับรวมตั้งแต่บริเวณด้านหน้าของใบหูไปจรดถึงปลายคาง ในกรณีของผู้หญิงจะต้องมีคอที่ดูระหงส์รับกับกรอบหน้าที่ดูชัด ส่วนในกรณีผู้ชายคอจะต้องดูแบบเทห์ เห็นกล้ามเนื้อคอที่ชัดเจน ดูลุคแมน ลักษณะใบหน้าของคนเรามีหลายแบบ ซึ่งสัดส่วนใบหน้าส่วนล่าง เป็นตัวกำหนดรูปหน้า (Facial shapes)ของเรา การที่จะเปลี่ยนสัดส่วนใบหน้าส่วนล่างให้ดีขึ้น จะสามารถสร้างเสน่ห์ให้เพิ่มมากขึ้นได้

สัดส่วนกรอบหน้าที่เหมาะสมที่สุด และสวยที่สุด ควรได้สัดส่วนดังนี้

1. Facial angle

โดยวัดจาก Glabella ลากเส้นมายัง Subnasal ไปจนถึง Pogonion แบ่งออกเป็น class ดังนี้

  • 165 – 175 องศา => สัดส่วนที่เหมาะสมที่สุด สวยที่สุด
  • < 165 องศา => คางถอย
  • > 175 องศา => คางยื่น

2. Ricketts’ aesthetic line

เส้นที่ลากจากปลายจมูก มายังปลายคาง

  • โดยริมฝีปากบนจะต้องห่างจากเส้นนี้ 4 mm
  • ริมฝีปากล่างจะต้องห่างจากเส้นนี้ 2 mm

3. Bizygomatic width Bigonial width

คือ สัดส่วนระหว่างความกว้างที่สุดของโหนกแก้ม กับ ความกว้างที่สุดของกราม

  • ในผู้หญิง =>  1 :  0.6
  • ในผู้ชาย  =>   1 :  0.8 – 1

4. Gonial angle

คือการวัดมุมของกราม

  • ในผู้หญิง => 120 – 130 องศา
  • ในผู้ชาย  => 100 – 110 องศา

สาเหตุที่ทำให้กรอบหน้าไม่ชัดเจน

เกิดจากอายุที่เพิ่มมากขึ้น จึงทำให้สัดส่วนใบหน้าส่วนล่างมีการเปลี่ยนแปลงดังนี้

1. กระดูกบางลง ( Bone reabsorbtion )

กระดูกขากรรไกรล่าง ( Mandibular bone ) เป็นกระดูกที่ใหญ่ที่สุด และแข็งแรงที่สุด  กระดูกเปรียบเสมือนเสาบ้านที่คอยพยุงผิวหนังทุกชั้นให้อยู่ในที่ ที่มันควรจะอยู่ เมื่อเวลาที่อายุมากขึ้น โครงสร้างของกระดูกจะมีการกร่อนตัวลง ทำให้มุมของกรามเปลี่ยนแปลงไป จากลักษณะ L shape ก็จะเปลี่ยนเป็น I shape สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ ตัวโครงสร้างที่ยึดอยู่กับกระดูกทั้งหมดก็ไม่มีที่ยึด แรงจึงน้อยลง จึงทำให้เกิดการหย่อนตัวลงของเอ็นยึดหน้า และมีถุงไขมันมากองอยู่บริเวณกรอบหน้า

2. เอ็นยึดหน้า (Ligament)

เอ็นยึดใบหน้าส่วนล่างที่สำคัญได้แก่

  • Mandibular retaining ligament
  • Masseter cutaneous ligament
  • Platysmal – auricular ligament

เอ็นยึดหน้าต่างๆ ก็มีการเปลี่ยนแปลงไป จากการที่เคยยึดอยู่กับกระดูก ก็จะยึดเกาะได้น้อยลง จึงเกิดการหย่อนตัวลง

3. กล้ามเนื้อ (Muscle for expression)

กล้ามเนื้อมัดที่ใช้สำหรับการแสดงสีหน้าก็จะดูเปลี่ยนไป เช่น รอยยิ้มที่ดูเปลี่ยนไปจากเดิม มุมปากตก

4. ถุงไขมัน (Fat pad)

เกิดการสะสมของถุงไขมันบริเวณชั้นผิว จึงเป็นสาเหตุให้บริเวณกระพุงแก้มห้อยย้อยลงมากองอยู่บริเวณกรอบหน้า ทำให้กรอบหน้าไม่ชัดเจน

ฟิลเลอร์กรอบหน้า (Jaw Line Filler) ช่วยแก้ปัญหาอะไรได้บ้าง?

  1. ช่วยในการปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วน : โดยสามารถแก้ไขรูปหน้าที่ไม่สมดุล เช่น คางสั้น หน้ากลม หน้าบาน กรามทั้งสองข้างไม่เท่ากัน
  2. ช่วยทำให้หน้าเรียว : สำหรับผู้หญิงไทยส่วนใหญ่ไม่ค่อยนิยมให้กรามดูใหญ่ เพราะจะทำให้หน้าดูไม่สวย ดังนั้นคนไทยโดยส่วนใหญ่จึงนิยมเน้นการทำให้หน้าเรียวเล็กได้รูป ซึ่งพื้นฐานใบหน้าของคนไทยจะมีโครงหน้าที่ค่อนข้างชัดเจนอยู่แล้ว แต่ส่วนใหญ่มักจะเผชิญกับปัญหาผิวหย่อนคล้อยร่วมด้วย จึงมักจะฉีดเพื่อยกกระชับเก็บกรอบหน้าให้ได้รูปมากขึ้น
  3. ปรับรูปหน้าสไตล์ฝรั่ง (สวยแบบสายฝอ) : ซึ่งรูปหน้าในลักษณะนี้จะเห็นสันกรามค่อนข้างเด่นชัด การฉีดบริเวณกรอบหน้าจึงสามารถช่วยเสริมแนวสันกรามให้ดูโดดเด่นขึ้นมาได้
  4. ฟิลเลอร์กรอบหน้าช่วยยกข้างแก้ม แก้ไขปัญหาปากคว่ำ ปัญหาผิวหย่อนคล้อย : นอกจากจะนำสารเติมเต็มมาช่วยแก้ไขรูปหน้าได้แล้ว ยังช่วยแก้ไขปัญหาผิวที่หย่อนคล้อยบริเวณกราม เพื่อให้ผิวกลับมากระชับเต่งตึงขึ้น สามารถแก้ไขปัญหาผิวหย่อนคล้อยรอบ ๆ บริเวณกรอบหน้า เช่น ช่วยยกแก้มห้อย ช่วยแก้ไขปัญหามุมปากคว่ำ แก้ไขผิวหย่อนคล้อยบริเวณข้างแก้ม เป็นต้น
  5. ช่วยทำให้แนวกรามและกรอบหน้าเด่นชัด : ภาพรวมของกรามเป็นสิ่งที่แสดงถึงความแข็งแกร่งของผู้ชายได้ดี จึงทำให้ปัจจุบันมีผู้ชายหลายคนหันมาเสริมเติมแต่งกรามให้ดูชัด เพราะช่วยทำให้ใบหน้าดูคมเข้ม เซ็กซี่มากยิ่งขึ้น
  6. ช่วยปรับแต่งแก้ไขรูปกราม : เป็นอีกทางเลือกในการปรับโครงสร้างของกรามที่ไม่ได้สัดส่วน สืบเนื่องมาจากการสึกกร่อนของกระดูกและไขมันที่เสื่อมสลายไปตามวัย หรือเป็นมาตั้งแต่กำเนิด ซึ่งการฉีดบริเวณกรอบหน้าจะช่วยเติมเต็มส่วนที่บกพร่องต่าง ๆ ยกตัวอย่างเช่น คางไม่ได้รูป คางไม่ชัดเจน ไม่มีมุมขากรรไกร ขากรรไกรไม่คมชัด เป็นต้น โดยการฉีดเปรียบเสมือนกับการใช้สารเติมเต็มเข้ามาทดแทนกระดูกที่หายไป ส่งผลให้ใบหน้าดูมีเหลี่ยมมีมุม เพิ่มความคมชัดให้ใบหน้ามากยิ่งขึ้น

ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์กรอบหน้า

  1. เห็นผลทันทีหลังเข้ารับบริการฉีด
  2. ไม่ต้องทำการพักฟื้นเหมือนกับการผ่าตัด และสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
  3. เหมาะกับผู้ที่ไม่ต้องการผ่าตัด หรือไม่ต้องการดมยาสลบ
  4. ไม่ต้องเสี่ยงต่อการติดเชื้อ หรืออาการบวมช้ำ
  5. หากไม่พอใจในผลลัพธ์ก็สามารถปรับแต่งแก้ไข หรือทำการฉีดสลายได้
  6. เป็นบริการที่มีความปลอดภัยสูง เมื่อครบกำหนดอายุของสารที่ฉีดเข้าไปก็สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ
  7. ค่าใช้จ่ายไม่สูงเมื่อเทียบกับวิธีอื่น ๆ

ใครบ้างเหมาะกับฉีดฟิลเลอร์กรอบหน้า

  • เหมาะกับผู้ที่กรอบหน้าไม่คมชัด หรือความคมชัดของคางไม่เพียงพอ
  • เหมะกับผู้ที่มีไขมันส่วนเกิน (คางสองชั้น)
  • เหมาะกับผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยรอบ ๆ บริเวณกรอบหน้า
  • เหมาะกับผู้ที่มีรูปหน้าไม่ดูสมส่วน คางสั้น หน้าเหลี่ยม หน้ากลม หรืออยากมีคางที่เรียวเล็ก
  • เหมาะกับผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้ได้โหวงเฮ้ง สมส่วน

ฉีดฟิลเลอร์กรอบหน้า ยี่ห้อไหนดี? ราคาเท่าไหร่?

ฟิลเลอร์ Juvederm Volux (อยู่ได้ยาวนานถึง 18-24 เดือน)
จุดเด่นของรุ่น VOLUX : เนื้อเจลชนิดเนื้อแข็ง เหมาะสำหรับฉีดพยุงโครงสร้างของใบหน้า
ราคา : 18,500 / cc

ฟิลเลอร์ Restylane Perlane Lyft (อยู่ได้ยาวนานถึง 12 เดือน)
จุดเด่นของรุ่น Restylane Perlane Lyft : เป็นฟิลเลอร์เนื้อแข็ง มีความคงตัวสูง ไม่ฟู และสามารถคงรูปได้ดีที่สุด
ตำแหน่งที่เหมาะ : ฟิลเลอร์ยกหน้า , ฟิลเลอร์แก้มส้ม , ฟิลเลอร์จมูก , ฟิลเลอร์กรอบหน้า(Jawline)
ราคา : 15,000 / cc

ฟิลเลอร์ Restylane Defyne (อยู่ได้ยาวนานถึง 18 เดือน)
จุดเด่นของรุ่น Restylane Defyne : เป็นฟิลเลอร์เนื้อแข็ง มีความนิ่มปานกลางและยืดหยุ่นสูง มีความคงรูปได้ดี ใช้ฉีดกระดูกที่ยุบตัวในผิวชั้นลึก บริเวณ Midface , แก้มส้ม , ร่องแก้ม , คาง , กรอบหน้า (Jawline)
ราคา : 15,000 / cc

ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์กรอบหน้า

  • ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินปัญหาและสอบถามความต้องการจุดที่จะแก้ไข
  • แพทย์แนะนำจุดฉีดที่เหมาะสม รวมถึงยี่ห้อฟิลเลอร์และปริมาณที่จะฉีดอย่างเหมาะสม
  • ทำความสะอาดใบหน้าบริเวณจุดที่จะฉีดฟิลเลอร์กรอบหน้า หากแต่งหน้ามาก็จะมีการเช็ดเครื่องสำอางออก
  • ก่อนฉีดแพทย์จะทำการแกะกล่องฟิลเลอร์ใหม่ให้ดูต่อหน้า สามารถตรวจสอบ ถ่ายรูป หรือนำกลับบ้านได้ว่า เพื่อตรวจสอบว่าเป็นของแท้
  • อาจจะมีการประคบน้ำแข็งบ้างระหว่างฉีดฟิลเลอร์กรอบหน้า (ยาชามีผสมในเนื้อฟิลเลอร์อยู่แล้ว)
  • หมอให้คนไข้ดูความเปลี่ยนแปลง และแนะนำวิธีดูแลตัวเองที่ควรปฏิบัติ เพื่อให้ฟิลเลอร์เข้าที่เร็ว และอยู่ได้นานขึ้น

ฉีดฟิลเลอร์กรอบหน้า ฉีดตรงไหนบ้าง?

  • Chin (คาง) การบริเวณคางจะช่วยให้คางดูเต็มขึ้น มีมิติมากขึ้น ช่วยปรับรูปหน้าให้ดูสมส่วนและได้รูป V-shape มากขึ้น
  • Jawline angle (มุมกราม) การฉีดบริเวณมุมกรามจะช่วยให้กรามดูชัดขึ้น มีเหลี่ยมมุมที่สวยงาม ทำให้ใบหน้าดูเรียวและมีมิติมากขึ้น
  • Jowls (แก้มห้อย) การฉีดบริเวณแก้มห้อยจะช่วยยกกระชับแก้มที่หย่อนคล้อย ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้นและมีโครงหน้าที่ชัดเจน
  • Prejowls (ระหว่างคางและแก้มห้อย) การฉีดบริเวณนี้จะช่วยลดร่องแก้มให้ตื้นขึ้น ทำให้ใบหน้าดูอิ่มฟูและเรียบเนียนขึ้น

ฉีดฟิลเลอร์กรอบหน้า ที่ไหนดี?

อย่างแรกเลยที่ควรจะต้องดูก่อนสิ่งอื่นใด นั้นคือการตรวจสอบใบอนุญาตที่มีป้ายชื่อสถานพยาบาล และเลขที่ใบอนุญาต 11 หลัก ที่ถูกต้องจากกระทรวงสาธารณสุข ที่แสดงว่าผ่านการตรวจสอบมาตรฐานต่าง ๆ มาแล้ว นอกจากใบอนุญาตแล้ว ก็จะมีในการเลือกสำคัญ ๆ อีกดังนี้

  • แพทย์ต้องมีประสบการณ์ และความชำนาญ สามารถฉีดฟิลเลอร์กรอบหน้าได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย
  • ฟิลเลอร์ที่นำมาใช้ ต้องเป็นฟิลเลอร์แท้เท่านั้น
  • สังเกตุรีวิว ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก จากผู้ที่เคยใช้บริการจริง
  • ให้ข้อมูลหรือให้คำปรึกษาครบถ้วนทุกคำตอบ

ผลลัพธ์ที่ได้หลังฉีดฟิลเลอร์กรอบหน้า

  1. ผิวที่เคยหย่อนคล้อยในบริเวณกรอบหน้าจะแลดูกระชับเต่งตึงขึ้น
  2. แก้มที่เคยห้อยย้อยจะแลดูกระชับขึ้น
  3. แนวขากรรไกรมีความเรียวได้รูปยิ่งขึ้น
  4. ใบหน้าแลดูสมดุลและได้สัดส่วนมากขึ้น
  5. สำหรับผู้ที่มีใบหน้ากลม ช่วยทำให้ใบหน้าแลดูเรียวยาวมากขึ้น หรือแม้แต่คนที่มีใบหน้าเป็นรูปไข่ก็จะยิ่งช่วยให้โครงหน้ามีความเด่นชัดมากยิ่งขึ้น
  6. ช่วยอำพรางใบหน้าให้แลดูเรียวผอม โดยเฉพาะผู้ที่มีน้ำหนักเกินที่มักจะมีไขมันสะสมในบริเวณขากรรไกรค่อนข้างเยอะ ซึ่งเป็นเหตุทำให้แนวสันกรามเห็นได้ไม่ชัดเจน ดังนั้นการฉีดฟิลเลอร์กรอบหน้า จึงช่วยกระชับผิวที่หย่อนคล้อย และเติมเต็มในส่วนของสันกรามให้มีความคมชัดมากยิ่งขึ้น จึงทำให้ดูเหมือนว่าเราผอมลง และดูมีช่วงคอที่ยาวขึ้น

การดูแลก่อนและหลังฉีดฟิลเลอร์กรอบหน้า

ข้อปฏิบัติตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์กรอบหน้า (jawkine filler)

  • ควรงดยา แอสไพริน , NSAIDs เช่น Ibuprofen , Diclofenac , Ponstan เป็นเวลา 1 อาทิตย์ก่อนทำหัตถการ และควรปรึกษาแพทย์ก่อนที่จะหยุดยานั้น ๆ
  • ควรงดวิตามิน St.John Wort , Ginko biloba , Primrose oil , Garlic , Ginseng , and Vitamin E เป็นเวลา 1 อาทิตย์ก่อนทำหัตถการ
  • ควรงดยาทาชนิดผลัดเซลล์ผิว เช่น ยาประเภทอนุพันธ์วิตามินเอ , Retinols , Retinoids , Glycolic Acid , หรือครีมในกลุ่ม “ Anti-Aging ” ทุกชนิด เป็นเวลา 3 วันก่อนทำ
  • ควรงดการแว็ก ผลักเซลล์ผิว การดึงขนหรือโกนขนบริเวณนั้นๆ เป็นเวลา 3 วันก่อนทำหัตถการ
  • หากมีคอร์สทำหน้านวดหน้าหรือเลเซอร์ต่างๆ ควรทำมาก่อนอย่างน้อย 3 วัน ก่อนฉีดฟิลเลอร์หรือร้อยไหม เพราะหลังทำต้องเว้นไปอีก 2 อาทิตย์
  • หากมีโรคประจำตัว หรือยาที่กินเป็นประจำอื่น ๆ ควรเตรียมข้อมูลไว้เพื่อแจ้งกับแพทย์ก่อนที่จะทำหัตถการ

ข้อปฏิบัติตัวหลังฉีดฟิลเลอร์กรอบหน้า (jawkine filler)

  • งดเลเซอร์ อบซาวหน้า นวดหน้าลงความร้อนบริเวณหน้าอย่างน้อย 1 เดือน
  • งดทานยาหรือวิตามินที่ทำให้เลือดออกมากขึ้น เช่น แอสไพริน , วิตามินอี , ใบแป๊ะก๊วย ในช่วง 1 สัปดาห์แรก
  • งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เหล้า เบียร์ บุหรี่ อย่างน้อย 2 สัปดาห์
  • หลีกเลี่ยงความร้อนต่างๆบริเวณใบหน้า เช่น การเป่าผม และ การล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น
  • ดื่มน้ำเยอะ ๆ ขั้นต่ำ 2-3 ลิตร ต่อวัน เนื่องจากฟิลเลอร์จะฟูขึ้น ทำให้อยู่ได้นาน
  • ไม่ควรกดนวดคลึงลูบคลำ หรือปั้นเอง บริเวณตำแหน่งที่มีการฉีดฟิลเลอร์ เพื่อลดการเคลื่อนย้ายของตัวยาไปตำแหน่งที่ไม่ต้องการ
  • สามารถแต่งหน้าได้ตามปกติในวันรุ่นขึ้นหลังฉีดฟิลเลอร์

สุดท้ายนี้ผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม หมอส้ม หมอเกรซ และทีมแพทย์ Mudan Pavilion ยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย Inbox Facebook หรือ Add Line นี้ได้เลย คุณหมอตอบเองทุกเครส

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับฟิลเลอร์

ฟิลเลอร์ Juvederm ราคาเท่าไหร่ ? และมีกี่รุ่น ? อัปเดตปี 2024

ฟิลเลอร์ juvederm คือ ฟิลเลอร์สัญชาติอเมริกาที่นำเข้าโดยบริษัท Allergan Thailand (DSKH)…

โหนกแก้มสูง โหนกแก้มใหญ่ มีวิธีลดโหนกแก้มยังไง

โหนกแก้มสูงหรือโหนกแก้มใหญ่เป็นลักษณะใบหน้าที่หลายคนรู้สึกไม่มั่นใจ…

10 จุดปรับรูปหน้าคอร์สเจ้าสาว เพื่อให้ดูดีที่สุด ในวันสำคัญที่สุด

ในวันสำคัญที่สุดของชีวิตอย่างงานแต่งงาน เจ้าสาวทุกคนต่า … Read more…