ฟิลเลอร์ไหลหรือฟิลเลอร์ย้อย เป็นปัญหาที่หลายคนกังวลหลังฉีดฟิลเลอร์ โดยเฉพาะเมื่อเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือฉีดกับผู้ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญ อาการนี้เกิดจากฟิลเลอร์เคลื่อนตัวไปยังตำแหน่งที่ไม่ต้องการ ส่งผลให้ใบหน้าดูผิดรูป ไม่กระชับ หรือเกิดเป็นก้อนนูนผิดธรรมชาติ หากปล่อยไว้อาจส่งผลต่อความสวยงามและความมั่นใจของผู้ฉีด ในบทความนี้เราจะพาไปทำความเข้าใจว่า ฟิลเลอร์ไหล-ย้อยเกิดจากอะไร มีอันตรายแค่ไหน พร้อมแนะนำวิธีป้องกันและแนวทางแก้ไขที่ถูกต้อง เพื่อให้ผลลัพธ์หลังฉีดฟิลเลอร์ออกมาสวยเป๊ะและปลอดภัยที่สุด
ฟิลเลอร์ไหล-ย้อย
- ฟิลเลอร์ไหล ฟิลเลอร์ย้อย คืออะไร ?
- สาเหตุของฟิลเลอร์ไหล-ย้อย
- อาการฟิลเลอร์ไหลเป็นยังไง
- ฟิลเลอร์ไหลหรือย้อย อันตรายไหม
- วิธีป้องกันไม่ให้ฟิลเลอร์ไหล ฟิลเลอร์ย้อย
- ฟิลเลอร์ไหล-ย้อยแก้ไขยังไง
ฟิลเลอร์ไหล ฟิลเลอร์ย้อย คืออะไร ?
ฟิลเลอร์ไหล ฟิลเลอร์ย้อย คือ ภาวะที่เกิดขึ้นหลังจากการฉีดฟิลเลอร์ โดยสารที่ถูกฉีดเข้าไปใต้ผิวหนังไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่ฉีด แต่กลับมีการเคลื่อนตัว หรือย้ายออกไปยังบริเวณอื่น ซึ่งไม่ใช่ตำแหน่งที่ต้องการเติมเต็ม เช่น บริเวณใต้ตาหรือร่องแก้ม ส่งผลให้ใบหน้าเกิดความผิดรูป มีอาการบวม และใบหน้าไม่สมส่วน
การเกิดปัญหาฟิลเลอร์ไหล ฟิลเลอร์ย้อย มักเกิดจากการใช้ฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน โดยส่วนใหญ่มักเป็นสารเติมเต็มประเภทซิลิโคนเหลว หรือพาราฟิน ซึ่งร่างกายไม่สามารถยอมรับและย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ เมื่อทิ้งไว้นาน สารเหล่านี้จะมีการเคลื่อนตัว จับตัวกันเป็นก้อน หรือกระจายตัวไปยังบริเวณต่าง ๆ ส่งผลให้ผิวหน้าไม่เรียบเนียน ไม่มีความสม่ำเสมอ และทำให้ใบหน้าเกิดความผิดรูป

สาเหตุของฟิลเลอร์ไหล-ย้อย
อย่างที่ทราบกันดีว่า การฉีดฟิลเลอร์เป็นเทคนิคการเสริมความงามที่กำลังได้รับความนิยม ส่งผลให้มีการผลิตฟิลเลอร์ปลอมขึ้นมา โดยฟิลเลอร์ปลอมมักทำจากสารที่ไม่ปลอดภัยต่อร่างกาย เช่น ซิลิโคนเหลว น้ำมันพืช หรือสารสังเคราะห์อื่น ๆ ซึ่งอาจทำให้เกิดการปนเปื้อนของสารอันตราย หรือเชื้อโรค ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุของการเกิดฟิลเลอร์ไหลย้อย
สาเหตุของฟิลเลอร์ไหล-ย้อย มีดังนี้
- การเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน เช่น ฟิลเลอร์ปลอมที่ผลิตจากสารที่ไม่ปลอดภัยต่อร่างกาย เช่น ซิลิโคนเหลว น้ำมันพืช พาราฟิน หรือสารสังเคราะห์อื่น ๆ อาจทำให้เกิดอาการข้างเคียง เช่น การจับตัวเป็นก้อน ไหลย้อยผิดทิศทาง หรือเกิดตุ่มแข็งตรงบริเวณที่ฉีด ส่งผลให้ใบหน้าเกิดความผิดรูป และผิวหน้าไม่เรียบเนียน
- การฉีดกับแพทย์ที่ไม่มีความชำนาญ การฉีดฟิลเลอร์ต้องอาศัยความรู้เกี่ยวกับโครงสร้างของใบหน้า และเทคนิคการฉีดที่ถูกต้อง หากฉีดโดยแพทย์ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญ ไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม หรือไม่มีใบอนุญาตประกอบโรคศิลปะ อาจทำให้ฟิลเลอร์ไหลมารวมตัวกัน และทำให้ผลลัพธ์ที่ได้ไม่น่าพึงพอใจ
- การฉีดตรงบริเวณที่ไม่เหมาะสม การฉีดฟิลเลอร์ในบริเวณที่มีการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อเป็นประจำ เช่น บริเวณปาก หรือร่องแก้ม อาจทำให้สารเติมเต็มเกิดการเคลื่อนตัวได้ง่าย
- การเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่ไม่เหมาะสม ปัจจุบันฟิลเลอร์มีหลากหลายยี่ห้อ แต่ละยี่ห้อมีคุณสมบัติ ความหนาแน่นของสาร และความเหมาะสมกับปัญหาที่ต้องการแก้ไขแตกต่างกัน หากเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่ไม่เหมาะสมกับปัญหาหรือบริเวณที่ฉีด อาจทำให้ฟิลเลอร์ไหลย้อยจากตำแหน่งที่ฉีด และอาจเกิดปัญหาเกี่ยวกับการกระจายตัวของสาร
การดูแลหลังฉีดฟิลเลอร์แบบผิดวิธี หลังฉีดฟิลเลอร์ ควรงดสัมผัสบริเวณที่ฉีด เช่น การกด การนวด การแกะ หรือการคลึง รวมถึงการออกกำลังกายอย่างหนัก เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์เกิดการเคลื่อนตัว

อาการฟิลเลอร์ไหลเป็นยังไง
อาการฟิลเลอร์ไหลอาจเกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น การฉีดสารที่ไม่ได้มาตรฐาน ฉีดกับแพทย์ที่ไม่มีความชำนาญ หรือการดูแลที่ผิดวิธี ส่งผลให้ฟิลเลอร์ไหลย้อยมากองรวมกันจนเกิดการจับตัวเป็นก้อน มีอาการปูดบวม หรือกระจายไปยังบริเวณใกล้เคียง นอกจากนี้ อาจเกิดการอักเสบหรือบวมแดง โดยอาการเหล่านี้มักไม่แสดงออกทันทีหลังฉีด แต่จะใช้เวลาประมาณ 3 – 5 ปี กว่าจะเห็นผล เนื่องจากฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐานไม่สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ และอาจเปลี่ยนรูปร่างหรือเคลื่อนที่ไปจากตำแหน่งที่ฉีด
ฟิลเลอร์ไหลหรือย้อย อันตรายไหม
ฟิลเลอร์ไหลหรือย้อยเป็นภาวะที่เกิดขึ้นหลังจากการฉีดฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งมักมีส่วนผสมของสารที่ไม่ปลอดภัยต่อร่างกาย เช่น ซิลิโคนเหลว น้ำมันพืช หรือสารสังเคราะห์อื่น ๆ นอกจากนี้ การฉีดกับแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์ด้านฟิลเลอร์ รวมถึงการดูแลที่ผิดวิธี อาจส่งผลให้ฟิลเลอร์จับตัวเป็นก้อน ไหลย้อย ทำให้ใบหน้าเกิดความผิดรูป หรือมีอาการติดเชื้อ ในบางกรณีที่รุนแรง ฟิลเลอร์อาจทำให้เกิดการอุดตันของหลอดเลือด ส่งผลให้เนื้อเยื่อตาย ซึ่งถือว่าเป็นอันตรายหากไม่ได้รับการแก้ไขอย่างทันท่วงที
วิธีป้องกันไม่ให้ฟิลเลอร์ไหล ฟิลเลอร์ย้อย
- การเกิดฟิลเลอร์ไหล ฟิลเลอร์ย้อย จะส่งผลให้เกิดการอุดตันจนเนื้อเยื่อตาย เกิดการติดเชื้อ เกิดการจับตัวเป็นก้อนของฟิลเลอร์ เกิดการเคลื่อนที่จากตำแหน่งที่ฉีด ส่งผลให้ใบหน้าผิดรูป และผิวหน้าไม่เรียบเนียน ซึ่งวิธีป้องกันไม่ให้ฟิลเลอร์ไหล ฟิลเลอร์ย้อย มีดังนี้
- ควรเลือกฉีดกับคลินิก หรือสถานบริการที่มีใบอนุญาตสถานพยาบาลและเลขที่อนุญาตจำนวน 11 หลัก อย่างชัดเจน และสามารถตรวจสอบได้
- ควรเลือกฉีดกับแพทย์ที่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม หรือใบอนุญาตประกอบโรคศิลปะ รวมถึงต้องมีความชำนาญในการฉีดฟิลเลอร์ เนื่องจากการฉีดฟิลเลอร์ต้องมีความรู้เกี่ยวกับโครงสร้างของใบหน้า และต้องมีการฉีดอย่างถูกวิธี
- ควรทำการเช็กฟิลเลอร์ก่อนทำการฉีด โดยฟิลเลอร์ที่ได้มาตรฐานจะต้องมีเลขทะเบียน อย. เลข Lot ตรงกัน 4 จุด คือ เลข Lot ที่หลอด, เลข Lot ที่กล่อง, เลข Lot ที่สติกเกอร์ และเลข Lot ที่ซองหรือหลอด รวมถึงต้องมีเอกสารกำกับภาษาไทย และต้องสามารถตรวจสอบแหล่งที่มาได้
- เลือกชนิดของฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับปัญหา เช่น ฟิลเลอร์ที่มีโมเลกุลขนาดใหญ่ และสามารถคงตัวสูง จึงเหมาะกับการฉีดตรงบริเวณคาง แก้ม และขมับ ส่วนฟิลเลอร์ที่มีเนื้อสัมผัสอ่อนนุ่ม จึงเหมาะกับการฉีดตรงบริเวณใต้ตา หรือริมฝีปาก เป็นต้น
- หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่จะทำให้ฟิลเลอร์เกิดการไหลย้อย เช่น การแกะ การกด การนวด หรือการสัมผัสตรงบริเวณที่ฉีด รวมถึงการนอนตะแคง การออกกำลังกายอย่างหนัก และการโดนความร้อน เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์เกิดการเคลื่อนตัว
- หลีกเลี่ยงการฉีดฟิลเลอร์ปริมาณมากในตำแหน่งเดียวกัน เพราะจะทำให้ฟิลเลอร์ไม่สามารถคงตัวได้ มีโอกาสเคลื่อนตัว หรือไหลได้
- ควรมีการติดตามผล และการดูแลตัวเองหลังจากการฉีดฟิลเลอร์ หากมีความผิดปกติควรรีบไปพบแพทย์ทันที

ฟิลเลอร์ไหล-ย้อยแก้ไขยังไง
อย่างที่ทราบ การฉีดฟิลเลอร์เป็นการฉีดสารเติมเต็มเข้าบริเวณใต้ผิวหนัง ซึ่งหากมีการฉีดกับแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์ หรือฉีดโดยใช้ฟิลเลอร์ปลอม อาจส่งผลเสีย เช่น เกิดการอักเสบ หรือการติดเชื้อ ดังนั้น หากเกิดปัญหาฟิลเลอร์ไหล-ย้อย สามารถแก้ไขได้ด้วยวิธีดังต่อไปนี้
- การฉีดสลายฟิลเลอร์ เป็นวิธีที่มีความปลอดภัย โดยแพทย์จะทำการฉีดตัวยาเอนไซม์ไฮยาลูโรนิเดส (Hyaluronidase : HYAL) เข้าไปยังบริเวณใต้ผิวหนังตรงจุดที่ต้องการแก้ไข โดยปริมาณที่ใช้จะต้องใกล้เคียงกับปริมาณของฟิลเลอร์ที่ทำการฉีดไปก่อนหน้านี้ เพื่อเข้าไปทำปฏิกิริยากับฟิลเลอร์ ทำให้เกิดการแตกตัวเป็นก้อนเล็กๆ และสลายออกไป ซึ่ง Hyaluronidase จะสามารถย่อยสลายฟิลเลอร์แท้ของกลุ่มไฮยาลูโรนิค แอซิด (Hyaluronic Acid : HA) ได้
- การขูดฟิลเลอร์ เป็นวิธีที่เหมาะกับการแก้ไขปัญหาการฉีดฟิลเลอร์ปลอม โดยแพทย์จะทำความสะอาดผิวตรงบริเวณที่เกิดปัญหา จากนั้นจะทำการฉีดยาชา รอจนยาชาออกฤทธิ์ แล้วทำการเปิดผิว เพื่อที่แพทย์จะใช้เครื่องมือสำหรับการขูดฟิลเลอร์ หลังจากทำการขูดเสร็จแล้ว แพทย์จะทายาฆ่าเชื้อเป็นขั้นสุดท้ายก่อนจะปิดแผล
- ผ่าตัดฟิลเลอร์ออก เป็นวิธีที่เหมาะกับฟิลเลอร์ที่มีขนาดใหญ่ มีความแข็ง และฉีดเป็นเวลานานจนเกิดเป็นพังผืดเกาะ ซึ่งจะเป็นจำพวกสาร Polymethyl Methacrylate ซิลิโคนเหลว และพาราฟิน โดยแพทย์จะทำความสะอาดผิวตรงบริเวณที่เกิดปัญหา จากนั้นจะทำการฉีดยาชา รอจนยาชาออกฤทธิ์ แล้วทำการเปิดผิว เพื่อที่แพทย์จะใช้เครื่องมือสำหรับการเลาะฟิลเลอร์ออก แต่วิธีการนี้ไม่สามารถเอาฟิลเลอร์ออกได้หมด