HArmonyCA และ Radiesse ถือเป็นสองตัวเลือกยอดนิยมที่หลายคนให้ความสนใจ ทั้งสองชนิดนี้มีคุณสมบัติช่วยยกกระชับและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว แต่ก็มีความแตกต่างกันในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นส่วนผสม คุณสมบัติในการออกฤทธิ์ หรือผลลัพธ์ที่ได้ การเลือกให้เหมาะสมกับสภาพผิวและความต้องการจึงเป็นสิ่งสำคัญ มาทำความเข้าใจความแตกต่างระหว่าง HArmonyCA และ Radiesse เพื่อให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
HArmonyCA VS Radiesse
- HArmonyCA คืออะไร ?
- Radiesse คืออะไร ?
- HArmonyCA & Radiesse ช่วยเรื่องอะไร
- จุดที่เหมือนกันระหว่าง HArmonyCA กับ Radiesse
- ความแตกต่างระหว่าง HArmonyCA กับ Radiesse
- HArmonyCA กับ Radiesse ฉีดร่วมกันได้ไหม
- ผลข้างเคียงระหว่าง HArmonyCA กับ Radiesse
- สรุป HArmonyCA VS Radiesse
HArmonyCA คืออะไร ?
HArmonyCA เป็นฟิลเลอร์ชนิดไฮบริด ที่เป็นการผสมกันระหว่าง Hyaluronic Acid (HA) และ Calcium Hydroxyapatite (CaHA) ที่ออกฤทธิ์สองกลไก ผสานคุณสมบัติของฟิลเลอร์เติมเต็ม (filler) และสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน (collagen biostimulator) ในผลิตภัณฑ์เดียว โดยถูกออกแบบมาเพื่อให้ผลลัพธ์ที่ไม่เพียงช่วยเติมเต็มผิวในทันที แต่ยังช่วยฟื้นฟูและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในระยะยาว
อย่างที่ทราบกันแล้วว่า HArmonyCA เป็นฟิลเลอร์ชนิดไฮบริดที่ออกฤทธิ์สองกลไก ที่มอบผลลัพธ์ Duo Effects ในตัวเดียว โดยผสาน 2 สารธรรมชาติ ด้วยกัน คือ
- Hyaluronic Acid (HA): เป็นสารที่มีอยู่ตามธรรมชาติในผิวหนัง ช่วยเติมเต็มและยกกระชับผิวในทันทีหลังฉีด ให้ผิวดูอิ่มฟูและเรียบเนียน
- Calcium Hydroxyapatite (CaHA): เป็นแร่ธาตุที่พบได้ในกระดูกและฟัน ช่วยเพิ่มความเฟิร์มของผิวหน้า กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ได้ในระยะยาว ทำให้เกิดผลที่ long lasting โดยอายุของ CaHA ตามธรรมชาติจะอยู่ได้ประมาณ 1-3 ปีก่อนสลายไปตามธรรมชาติ
Radiesse คืออะไร ?
Radiesse เป็นยี่ห้อของสารเติมเต็มชนิดหนึ่ง ที่มีส่วนประกอบหลัก คือ CaHA (Calcium Hydroxylapatite แคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทต์) ซึ่งเป็นสารที่อยู่ในกลุ่มของสารกระตุ้นคอลลาเจน คุณสมบัติของ Radiesse จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และสารอีลาสติน ส่งผลให้ผิวหนังเกิดความแข็งแรง มีความเต่งตึง ช่วยเติมเต็มร่องลึก ช่วยเพิ่มวอลลุ่มให้กับผิวหน้า ช่วยลดริ้วรอยร่องลึก และช่วยให้ใบหน้าแลดูอ่อนวัย
HArmonyCA & Radiesse ช่วยเรื่องอะไร
อย่างที่ทราบ HArmonyCA เป็นการผสมกันระหว่าง Hyaluronic Acid (HA) และ Calcium Hydroxyapatite (CaHA) ที่มีคุณสมบัติในการเติมเต็ม และกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจน สารอีลาสติน ซึ่งจะช่วยให้โครงสร้างของผิวมีความแข็งแรงยิ่งขึ้น ช่วยยกกระชับผิวหนังให้มีความเรียบเนียน เต่งตึง ช่วยลดปัญหาผิวหนังหย่อนคล้อย ทำให้ผิวหนังดูอ่อนกว่าวัย นอกจากนี้ยังช่วยให้ผิวหนังมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ทำให้ผิวหนังดูเป็นธรรมชาติ ช่วยเรื่องลดริ้วรอย รอยร่องลึก และช่วยเพิ่มปริมาตรให้กับใบหน้า ทำให้ใบหน้ามีความอิ่มฟู ดูมีมิติมากขึ้น รวมถึงเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ช่วยกักเก็บน้ำในผิวได้นานขึ้น ทำให้ผิวดูสุขภาพดี
ส่วน Radiesse มีประกอบหลักเป็น CaHA (Calcium Hydroxylapatite แคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทต์) ที่มีคุณสมบัติในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และสารอีลาสติน ซึ่งจะช่วยให้โครงสร้างผิวหนังมีความแข็งแรงขึ้น ทำให้ผิวหนังเกิดความกระชับ เต่งตึง นอกจากนี้ยังช่วยให้ผิวหนังมีความยืดหยุ่นคืนตัวได้ดี ช่วยความชุ่มชื้นให้กับผิว ช่วยแก้ไขปัญหาเรื่องริ้วรอย รอยร่องลึก และช่วยปรับรูปหน้าให้มีความสมดุล และใบหน้ามีมิติมากขึ้น รวมถึงช้วยเพิ่มวอลลุ่มให้กับผิว ทำให้ผิวดูอิ่มฟู ดูมีสุขภาพดี
จุดที่เหมือนกันระหว่าง HArmonyCA กับ Radiesse
คนส่วนใหญ่อาจยังไม่ทราบว่า HArmonyCA และ Radiesse มีจุดที่เหมือนกัน คือ การมีส่วนผสมหลักเป็น Calcium Hydroxylapatite (CaHA) และมีกลไกการทำงานที่คล้ายกัน คือการกระตุ้นให้ร่างกายเกิดการสร้างคอลลาเจน และอีลาสติน ขึ้นมาใหม่ตรงบริเวณใต้ผิวหนัง ซึ่งผลลัพธ์จะทำให้ผิวหนังบนใบหน้ามีความเต่งตึง ทำให้ผิวหนังดูอ่อนกว่าวัย ช่วยแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับริ้วรอย รอยร่องลึก ช่วยยกกระชับผิว และช่วยปรับโครงสร้างของผิวให้มีความแข็งแรง รวมถึงยังให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานเหมือนกัน เนื่องจาก CaHA จะค่อย ๆ ถูกดูดซึม และกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนในระยะยาว
ความแตกต่างระหว่าง HArmonyCA กับ Radiesse
ถึงแม้ว่า HArmonyCA และ Radiesse จะเป็นฟิลเลอร์ที่ช่วยในการเติมเต็ม และช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนเหมือนกัน แต่ทั้งคู่ก็มีข้อแตกต่างกัน ดังนี้
ความแตกต่าง | HArmonyCA | Radiesse |
---|---|---|
องค์ประกอบ | มีการผสมสาร 2 ตัว คือ Hyaluronic Acid (HA) และ Calcium Hydroxyapatite (CaHA) | CaHA (Calcium Hydroxylapatite แคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทต์) |
คุณสมบัติ | HArmonyCA จะช่วยเติมเต็มริ้วรอย รอยร่องลึก และช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจน ช่วยยกกระชับผิว และช่วยทำให้ผิวหนังมีความชุ่มชื้น | CaHA จะช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจน ช่วยยกกระชับผิวหน้า ช่วยในเรื่องการปรับรูปหน้า และชวยทำให้โครงสร้างผิวหนังเกิดความแข็งแรง |
เหมาะสำหรับ | บุคคลที่ต้องการเติมเต็ม และต้องการยกกระชับพร้อมกัน รวมถึงบุคคลที่มีผิวแห้งขาดน้ำ | บุคคลที่ต้องการยกกระชับ และต้องการปรับรูปหน้า รวมถึงบุคคลที่มีปัญหาเกี่ยวกับผิวหย่อนคล้อย |
ระยะเวลาของผลลัพธ์ | 1-3 ปี | 2 ปี |
HArmonyCA กับ Radiesse ฉีดร่วมกันได้ไหม
โดยปกติแพทย์จะไม่แนะนำให้ฉีด HArmonyCA และ Radiesse ร่วมกันตรงบริเวณเดียวกัน และในเวลาเดียวกัน เนื่องจากทั้งสองตัวมีกลไกการทำงานที่แตกต่างกัน อย่าง HArmonyCA มีส่วนผสมของ HA ซึ่งจะช่วยเติมเต็ม และให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวหนัง ในขณะที่ Radiesse จะมีส่วนผสมของ CaHA ที่จะเน้นในการกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจน โดยการฉีดร่วมกันอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น เกิดการอักเสบ อาการติดเชื้อ การเกิดก้อน และอาการบวม
ผลข้างเคียงระหว่าง HArmonyCA กับ Radiesse
HArmonyCA และ Radiesse ช่วยเรื่องการเติมเต็ม และช่วยยกกระชับผิวหนังบนใบหน้า ทำให้ทั้งสองชนิดอาจมีผลข้างเคียงที่คล้ายกัน เช่นหลังจากการฉีดอาจเกิดอาการบวมแดง อาการช้ำ และอาการคัน ตรงบริเวณที่ฉีด ซึ่งหากมีการฉีดที่ไม่ได้มาตรฐานอาจทำให้เกิดการติดเชื้อ การอุดตันตรงบริเวณหลอดเลือด และการจับตัวเป็นก้อนของฟิลเลอร์ เป็นต้น
สรุป HArmonyCA VS Radiesse
HArmonyCA เป็นฟิลเลอร์ชนิดไฮบริด ที่เป็นการผสมหลักคือ Hyaluronic Acid (HA) และ Calcium Hydroxyapatite (CaHA) ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยเรื่องการเติมเต็ม และกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ ทำให้ผิวหนังดูอิ่มฟู และมีความเรียบเนียน จึงเหมาะกับบุคคลที่ต้องการเติมเต็ม และต้องการยกกระชับพร้อมกัน รวมถึงบุคคลที่มีผิวแห้งขาดน้ำ
ส่วน Radiesse เป็นสารเติมเต็ม ที่มีส่วนประกอบ คือ CaHA (Calcium Hydroxylapatite แคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทต์) ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และสารอีลาสติน ส่งผลให้ผิวหนังเกิดความแข็งแรง มีความเต่งตึง ช่วยเติมเต็มร่องลึก ช่วยเพิ่มวอลลุ่มให้กับผิวหน้า ช่วยลดริ้วรอยร่องลึก และช่วยให้ใบหน้าแลดูอ่อนวัย จึงเหมาะกับบุคคลที่ต้องการยกกระชับ และต้องการปรับรูปหน้า รวมถึงบุคคลที่มีปัญหาเกี่ยวกับผิวหย่อนคล้อย
ทั้งนี้ HArmonyCA และ Radiesse มีข้อที่เหมือน และแตกต่างกันไป การเลือกใช้ควรเลือกให้เหมาะกับปัญหาที่ต้องการแก้ไข และควรได้รับการประเมินอาการจากแทพย์ที่มีความชำนาญ เพื่อให้เกิดความปลอดภัย และผลลัพธ์ที่ตรงต่อความต้องการ