Juvelook VS Sculptra ต่างกันยังไง ? เลือกอันไหนดีกว่ากัน

Juvelook VS Sculptra สองนวัตกรรมยอดนิยมที่ช่วยเติมเต็มผิว คืนความอ่อนเยาว์ แก้ไขปัญหาริ้วรอย รอยสิว หลุมสิว หรือผิวหมองคล้ำ อยากมีผิวสวยใส เหมือนสาวเกาหลี โดยไม่ต้องผ่าตัด แต่ทั้งสองมีความแตกต่างกันอย่างไร และควรเลือกใช้อันไหนดีกว่ากัน โดยทั้งสองผลิตภัณฑ์นี้มีคุณสมบัติและประโยชน์ที่แตกต่างกันในการช่วยฟื้นฟูผิวและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจข้อดี ข้อเสีย และความแตกต่างของ Juvelook และ Sculptra เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจได้ว่าอันไหนเหมาะสมกับความต้องการของคุณมากที่สุด

Juvelook VS Sculptra

Juvelook คืออะไร ?

Juvelook คือ ผลิตภัณฑ์ที่ถูกผลิตขึ้นมาจากคอลลาเจนบูสเตอร์ ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน โดยมีส่วนประกอบหลักอย่างกรดไฮยาลูโรนิกแอซิดประเภท Non-crosslinked (Hyaluronic Acid) และ Poly D, L Lactide ที่มีขนาดอนุภาคเล็ก ตั้งแต่ 10 – 40 ไมโครเมตร เป็นสารที่มีความบริสุทธิ์ไม่ผ่านการตัดแต่งพันธุกรรม และเป็นสารที่เข้ากับร่างกายได้ดีที่สุด ไม่เป็นอันตราย นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ทำให้ผิวดูเรียบเนียน ช่วยปรับริ้วรอย รอยหลุมสิว และรอยแผลเป็นให้ดูตื้นขึ้น ช่วยฟื้นฟูผิวให้กระจ่างใส สีผิวสม่ำเสมอ และเติมความชุ่มชื้นให้ผิวดูอิ่มน้ำมากขึ้น Juvelook ให้ผลลัพธ์คงอยู่นานถึง 6 เดือนถึง 2 ปี

Sculptra คืออะไร ?

Sculptra คือ ยี่ห้อของสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนประเภทหนึ่งที่ถูกทำออกมาในรูปของยาฉีด โดย Sculptra ผลิตมาจากโพลีแอลแลคติค แอซิด (Poly-L-Lactic Acid: PLLA) มีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นให้ร่างกายเกิดการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง เพื่อทดแทนคอลลาเจนที่สูญเสียไปเมื่ออายุเพิ่มขึ้น การฉีดสารชนิดนี้จะช่วยให้ผิวหนังเกิดความกระชับ เรียบเนียน เต่งตึง อิ่มฟู และมีความยืดหยุ่น รวมถึงช่วยฟื้นฟูผิวหนังให้แข็งแรงและทำให้ใบหน้าดูอ่อนกว่าวัยอีกด้วย

Juvelook & Sculptra ช่วยเรื่องอะไร

Juvelook มีส่วนประกอบหลักอย่างกรดไฮยาลูโรนิกแอซิคประเภท Non-Crosslinked (Hyaluronic Acid) และ Poly D, L Lactide ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาผิวหนังดังนี้

Juvelook-ช่วยเรื่องอะไร
  • ช่วยฟื้นฟูผิวหนังอย่างเร่งด่วน จากมลภาวะและสารพิษ
  • ช่วยปกป้องและป้องกันการเกิดริ้วรอย โดยเฉพาะริ้วรอยขนาดเล็ก
  • ช่วยปรับขนาดรูขุมขนให้เล็กลง กระชับ และช่วยปรับผิวหนังให้มีความเรียบเนียน
  • ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหนัง ทำให้ผิวหนังดูสุขภาพดี และดูอิ่มน้ำ
  • ช่วยชะลอความแก่ของผิวหนัง ทำให้ผิวหนังดูอ่อนกว่าวัย
  • ช่วยลดรอยแดง รอยดำ และรอยแผลที่เกิดจากสิว ให้มีความจางลง
  • ช่วยให้ผิวหนังมีความแน่น และช่วยยกกระชับผิวหนังให้มีความเต่งตึงยิ่งขึ้น
  • ช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างไฟโบรบลาส และกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจน และอิลาสติน

ส่วน Sculptra เป็นสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนประเภทนึง ที่ถูกทำออกมาในรูปของยาฉีด โดย Sculptra ผลิตมาจากโพลีแอลแลคติค เอซิด (Poly-L-Lactic Acid: PLLA) ซึ่งจะช่วยเรื่องเหล่านี้

  • ช่วยในเรื่องการสร้างคอลลาเจน โดย Sculptra มีส่วนประกอบของ Poly-L-Lactic acid (PLLA) ซึ่งคอยทำหน้าที่กระตุ้นให้ร่างกายเกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่ ช่วยให้ผิวหนังเกิดความเต่งตึง อิ่มฟู และมีความยืดหยุ่น แก้ไขปัญหาผิวหนังที่เกิดความหย่อนคล้อย
  • ช่วยในเรื่องการเติมเต็มผิวหนังที่เกิดริ้วรอย โดย Sculptra จะเข้าไปช่วยเติมเต็มผิวหนังที่เกิดรอยร่องลึก รอยตีนกา และริ้วรอยแห่งวัย ส่งผลให้ผิวหนังบนใบหน้ามีความเรียบเนียน และดูอ่อนกว่าวัย
  • ช่วยในเรื่องการยกกระชับใบหน้า โดย Sculptra จะช่วยเพิ่มความกระชับ และความตึงให้กับใบหน้า ช่วยแก้ไขปัญหาแก้มตอบ แก้มที่เกิดความหย่อนคล้อย เหนียงย้อย และช่วยให้ใบหน้าดูมีมิติ
  • เสริมความสมดุลให้ใบหน้า โดย Sculptra ช่วยให้มีความสมดุลของเส้นรอบหน้าโดยเฉพาะในบริเวณที่มีการสูญเสียปริมาณของไขมันหรือสารสังเคราะห์ในผิวหนัง ซึ่งการเสริมความสมดุลใบหน้าจะช่วยให้เกิดลักษณะใบหน้าที่มีสวยงาม และเสริมสร้างโหงวเฮ้งบนใบหน้าได้อีกด้วย

จุดที่เหมือนกันระหว่าง Juvelook กับ Sculptra

Juvelook กับ Sculptra ต่างมีประสิทธิภาพในการช่วยกระตุ้นคอลลาเจน ช่วยเติมเต็มริ้วรอย ช่วยในการปรับรูปหหน้า และช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้า โดยทั้งสองผลิตภัณฑ์มีความเหมือนกัน ดังนี้

  • วัตถุประสงค์ของการใช้งาน ทั้ง Juvelook และ Sculptra มีคุณสมบัติช่วยแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับผิวหนังบนใบหน้า และรูปหน้า โดยจะเน้นเรื่องการลดริ้วรอยให้มีความจางลง และช่วยให้ผิวหน้าดูอ่อนกว่าวัย
  • การกระตุ้นคอลลาเจน ทั้งสองผลิตภัณฑ์ จะช่วยกระตุ้นในเกิดการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง โดย Juvelook จะใช้สารกรดไฮยาลูโรนิกแอซิคประเภท Noncrosslinked (Hyaluronic Acid) และ Poly D, L Lactide และ Sculptra จะใช้สารโพลีแอลแลคติค เอซิด (Poly-L-Lactic Acid: PLLA) เพื่อเพิ่มปริมาณคอลลาเจนในผิวหนัง
  • ความปลอดภัย โดยทั้ง Juvelook และ Sculptra ได้รับการยอมรับว่ามีความปลอดภัยสูง โดยทั้งสองได้การรับรองจาก FDA ของประเทศสหรัฐอเมริกา
  • ไม่ต้องทำการผ่าตัด ทั้งสองผลิตภัณฑ์เป็นการรักษาแบบไม่ต้องทำการผ่าตัด ทำให้มีความเสี่ยงน้อย และใช้เวลาพักฟื้นน้อย
  • ผลลัพธ์ที่ได้เป็นธรรมชาติ Juvelook และ Sculptra ให้ผลลัพธ์ออกมาดูเป็นธรรมชาติ ไม่ทำให้ใบหน้าดูผิดแปลก หรือเกินจริง

ความแตกต่างระหว่าง Juvelook กับ Sculptra

JuvelookSculptra
กลไกการออกฤทธิ์กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนโดยใช้ PCL (Polycaprolactone) ซึ่งเป็นสารชีวภาพที่ปลอดภัยต่อร่างกายกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนโดยใช้ PLLA (Poly-L-Lactic Acid) ซึ่งเป็นสารสังเคราะห์ที่ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ
ระยะเวลาในการเห็นผลเริ่มเห็นผลลัพธ์บางส่วนภายใน 1-2 สัปดาห์ เห็นผลชัดเจนภายใน 4-6 สัปดาห์เริ่มเห็นผลลัพธ์บางส่วนภายใน 4-6 สัปดาห์ เห็นผลชัดเจนภายใน 2-3 เดือน
ระยะคงอยู่ผลลัพธ์อยู่ได้นานถึง 6 เดือน – 2 ปีผลลัพธ์อยู่ได้นานถึง 2 ปี
เหมาะกับใครผู้ที่ต้องการเพิ่มความชุ่มชื้น ความกระชับ ให้กับผิวหนัง และบุคคลที่มีริ้วรอยบนใบหน้าเล็กน้อยผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาแบบระยะยาว บุคคลที่ปัญหาผิวหนังหย่อนคล้อย และมีริ้วรอยร่องลึก
ปริมาณตัวยาที่ใช้ในการฉีดปริมาณที่ใช้ฉีดต่อครั้งคือ 6-8 ccปริมาณที่ใช้ฉีดต่อครั้งคือ 10 cc

Juvelook กับ Sculptra ฉีดร่วมกันได้ไหม

Juvelook และ Sculptra สามารถฉีดร่วมกันได้โดยไม่เป็นอันตราย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญหลายคนมักแนะนำให้ใช้ทั้งสองตัวร่วมกันเพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพการรักษา ผลลัพธ์ที่ได้จะครอบคลุมทั้งการลดริ้วรอย ปรับรูขุมขนให้เล็กลง ทำให้ผิวเรียบเนียน เติมเต็มริ้วรอยร่องลึก แก้ไขความหย่อนคล้อย และให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติและยาวนาน อย่างไรก็ตาม การฉีดร่วมกันควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดีขึ้น

ผลข้างเคียงระหว่าง Juvelook กับ Sculptra

ผลข้างเคียงของการฉีด Juvelook กับ Sculptra จะมีความแตกต่างกัน เนื่องจากส่วนประกอบของสาร ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้

Juvelook จะมีผลข้างเคียงเป็นรอยฟกช้ำ รอยบวม และรอยแดงบริเวณที่ฉีด ซึ่งรอยเหล่านี้มักจะหายไปเองใน 1-2 วัน แต่หากมีอาการหนัก อาจเสี่ยงติดเชื้อ เกิดก้อนแข็งใต้ผิวหนัง หรือการอุดตันของหลอดเลือด ซึ่งเป็นกรณีที่พบได้ยากSculptra จะมีผลข้างเคียงเช่นเดียวกัน เช่น รอยฟกช้ำ รอยบวม และรอยแดง แต่หากมีอาการหนัก อาจเสี่ยงติดเชื้อ อักเสบเรื้อรัง เกิดก้อนแข็งหรือตุ่มนูนใต้ผิวหนัง ผิวหนังไม่เรียบเสมอกัน หรือเกิดรอยบุ๋ม ซึ่งเป็นกรณีที่พบได้ยากเช่นกัน

สรุป Juvelook VS Sculptra

Juvelook จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน โดยมีส่วนประกอบหลักเป็นกรดไฮยาลูโรนิกแอซิคประเภท Non-crosslinked (Hyaluronic Acid) และ Poly D, L Lactide ซึ่งเป็นสารบริสุทธิ์ไม่ผ่านการตัดแต่งพันธุกรรมและเข้ากับร่างกายได้ดี ไม่เป็นอันตราย นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ทำให้ผิวเรียบเนียน ลดริ้วรอยร่องลึก รอยหลุมสิว และรอยแผลเป็น พร้อมฟื้นฟูผิวให้กระจ่างใส สีผิวสม่ำเสมอ และเพิ่มความชุ่มชื้น ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 6 เดือนถึง 2 ปี

ส่วน Sculptra เป็นยี่ห้อของสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนประเภทหนึ่ง ที่ถูกทำออกมาในรูปของยาฉีด โดย Sculptra ผลิตมาจากโพลีแอลแลคติค เอซิด (Poly-L-Lactic Acid: PLLA) มีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นให้ร่างกายเกิดการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง เพื่อทดแทนคอลลาเจนที่สูญเสียไปเมื่ออายุมากขึ้น การฉีดสารชนิดนี้จะช่วยให้ผิวหนังเกิดความกระชับ เรียบเนียน เต่งตึง อิ่มฟู และมีความยืดหยุ่น รวมไปถึงการช่วยฟื้นฟูผิวหนังให้แข็งแรงและทำให้ใบหน้าดูอ่อนกว่าวัย ให้ผลลัพธ์คงอยู่นานถึง 2 ปี

แม้ทั้งสองตัวจะมีคุณสมบัติในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน แต่ก็มีข้อแตกต่างกัน ดังนั้น ก่อนฉีดควรเข้าพบแพทย์เพื่อประเมินอาการและหาความเหมาะสม เพื่อให้ผลลัพธ์ตรงกับความต้องการและความปลอดภัยของคนไข้ ซึ่งหมอส้ม หมอเกรซ และทีมแพทย์ Mudan Pavilion (มูตาน พาวิลเลี่ยนฯ) พร้อมให้คำปรึกษา ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย