ร้อยไหม เป็นการเสริมความงามในรูปแบบหนึ่ง ที่ได้ความนิยมอย่างมาก ซึ่งการร้อยไหมจะช่วยในเรื่องการปรับรูปหน้า การยกกระชับผิวหนังที่มีความหย่อนคล้อย และแก้ไขปัญหาในจุดต่างๆ ซึ่งใครที่กำลังมองหาข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ ร้อยไหมมีกี่แบบ ? ร้อยไหมช่วยเรื่องอะไร ? และอีกหลาย ๆ เรื่องที่ควรรู้ ในบทความนี้มีคำตอบให้ในทุกคำถาม
สารบัญ ร้อยไหม
- ร้อยไหม ช่วยเรื่องอะไร ?
- ร้อยไหมเหมาะกับใคร ?
- ร้อยไหม เจ็บไหม ? อันตรายไหม ?
- ข้อดี-ข้อเสีย ของการร้อยไหม ?
- ร้อยไหม มีกี่แบบ ?
- ร้อยไหม อะไรดีที่สุด ?
- ขั้นตอนการร้อยไหม
- ข้อปฏิบัติตัว ก่อน-หลัง ร้อยไหม
ร้อยไหม ช่วยเรื่องอะไร ?
ร้อยไหม เป็นการสอดไหมเข้าไปใต้ผิวหนัง โดยเงี่ยงของไหมจะเกาะติดกับชั้นผิว ทำให้ผิวหนังเกิดความกระชับเรียบเนียน นอกจากนี้ร้อยไหมยังช่วยเรื่องปัญหาอย่างอื่นอีก อาทิเช่น
- ร้อยไหมหน้าเรียว ช่วยเรื่องการปรับรูปหน้าให้มีความเรียวสวย และมีความกระชับมากขึ้น นอกจากนี้ยังรวมไปถึงช่วยแก้เรื่องริ้วรอยด้วย
- ร้อยไหมยกหางตา ช่วยเรื่องหางตาตก หางตาหย่อนคล้อย และริ้วรอยที่เกิดจากตีนกา ให้ผิวหนังบริเวณหางตามีความกระชับ ช่วยให้หางตาที่ตกยกขึ้นแบบธรรมชาติ
- ร้อยไหมจมูก ช่วยเรื่องจมูกเบี้ยว จมูกเอียง จมูกไม่โด่ง ให้จมูกมีความโด่ง และช่วยในการปรับรูปทรงจมูกให้มีความสวยอย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่ต้องผ่าตัด นอกจากนี้ยังช่วยเรื่องปีกจมูกอีกด้วย
- ร้อยไหมยกมุมปาก ช่วยเรื่องมุมปากที่ตก และมุมปากที่มีความหย่อนคล้อย ให้เกิดความกระชับ ส่งเสริมให้ใบหน้ามีความอ่อนวัย และช่วยส่งเสริมบุคลิก
- ร้อยไหมร่องแก้ม ช่วยเรื่องแก้มที่มีความหย่อนคล้อย ให้เกิดความกระชับ นอกจากนี้ยังช่วยแก้ปัญหาร่องแก้มลึก ให้มีความตื้นขึ้น รวมถึงร่องน้ำหมากด้วย ส่งเสริมให้ใบหน้ามีความอ่อนวัยขึ้น
- ร้อยไหมเหนียง ช่วยเรื่องเหนียงที่มีความหย่อนคล้อย ให้ผิวหนังบริเวณใต้คางที่มีความหย่อนคล้อยเกิดความกระชับ และช่วยทำให้เห็นกรอบหน้าชัดเจนยิ่งขึ้น
- ร้อยไหมคอลลาเจน เป็นการกระตุ้น Collagen และ Elastin ใต้ผิวหนังเพื่อเป็นการฟื้นฟูผิว ทำให้ผิวหนังเกิดความกระชับไม่หย่อนคล้อย ยังรวมไปถึงช่วยเรื่องรูขุมขน และหลุมสิวให้มีขนาดที่เล็กลง ส่งเสริมให้ใบหน้ามีความเปล่งปลั่ง และอ่อนวัยลง
ร้อยไหมเหมาะกับใคร ?
การร้อยไหม เหมาะกับบุคคลที่มีอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป ที่มีปัญหาต้องการแก้ไข ไม่ว่าจะเป็นการปรับรูปหน้าให้มีความเรียวสวยสมส่วน การยกกระชับผิวหนังที่หย่อนคล้อย การช่วยเรื่องริ้วรอยบริเวณหางตา หรืออาจรวมถึงการปรับรูปทรงจมูก โดยไม่ผ่านการผ่าตัดให้เกิดรอยแผล สามารถเห็นผลลัพธ์ได้รวดเร็ว และไม่ต้องใช้เวลาผักฟื้น ซึ่งทั้งหมดนี้ควรเข้าพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและรับการวิเคราะห์ความเหมาะสมของใบหน้ากับการร้อยไหม เพื่อความปลอดภัยแก่ผู้ทำการร้อยไหม และตรงตามความต้องการของคนรับบริการ
ร้อยไหม เจ็บไหม ? อันตรายไหม ?
คนส่วนใหญ่ก่อนจะทำการร้อยไหม มักจะเกิดคำถามว่า เจ็บไหม ? อันตรายไหม ? คำตอบคือการทำการร้อยไหมไม่เจ็บ เนื่องจากก่อนที่แพทย์จะทำการสอดไหมเข้าใต้ผิวหนัง จะมีการแปะยาชา หรือฉีดยาชา ให้กับผู้ทำการร้อยไหม ทำให้ไม่รู้สึกเจ็บขณะทำการร้อยไหม แต่หลังยาชาหมดฤทธิ์ อาจจะมีอาการตึงๆ บริเวณที่ทำการร้อยไหม
ส่วนคำถามที่ว่า ร้อยไหมอันตรายหรือไหม ? คำตอบคือ ไม่อันตราย หากคนไข้เลือกทำกับแพทย์ที่มีความชำนาญ และมีความน่าเชื่อถือ นอกจากนี้ผู้ทำการร้อยไหมควรทำการศึกษาหาข้อมูลสำหรับการปฏิบัติตัวก่อน – หลังทำการร้อยไหม เพื่อความปลอดภัย และเพื่อให้ได้ผลลัพธ์อย่างที่ต้องการ
ข้อดี-ข้อเสีย ของการร้อยไหม ?
ข้อดีของการร้อยไหม
- การร้อยไหมสามารถเห็นผลได้ทันที หลังจากทำการร้อยไหมเสร็จ
- การร้อยไหมต้องไม่ใช้เวลาพักฟื้น ไม่มีแผลเป็น เนื่องจากไม่ใช่การผ่าตัด
- การร้อยไหมมีความปลอยภัย และไม่มีสารตกค้าง เนื่องจากสามารถเลือกใช้ไหมชนิดที่ละลายได้
- การร้อยไหมสามารถอยู่ได้นาน 1 – 2 ปีขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล
- การร้อยไหมสามารถทำร่วมกับหัตถการอื่นได้ เช่น ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา หรือฉีดฟิลเลอร์จุดอื่น ๆ รวมถึงโบท็อก และ Hifu
- การร้อยไหมยกหระชับผิวหนังมีค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่า หากเทียบกับการผ่าตัดดึงหน้า
- ไหมช่วยกระตุ้นให้เกิดการหดต้วของคอลลาเจน ทำให้ผิวเกิดความกระชับทันที
- การร้อยไหมเป็นตัวเลือกสำหรับบุคคลที่ไม่สามารถผ่าตัดได้ อาทิเช่น บุคคลที่เป็นโรคเบาหวาน โรคหัวใจ เป็นต้น
ข้อเสียของการร้อยไหม
- หลังร้อยไหมอาจมีอาการบวมอยู่ 1 – 2 สัปดาห์
- การร้อยไหมอาจเกิดพังผืด หากมีการใช้วัสดุที่ไม่ได้มาตรฐาน
ร้อยไหม มีกี่แบบ ?
การร้อยไหม เป็นการเสริมความงามรูปแบบหนึ่ง ช่วยให้เรื่องการปรับโครงหน้า และช่วยให้เรื่องการยกกระชับผิวหนังที่มีความหย่อนคล้อยให้กระชับ โดยการร้อยไหมแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่
ร้อยไหมละลาย
ไหมละลายได้รับการรับรองความปลอดภัย จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ของประเทศไทย และ FDA จากประเทศสหรัฐอเมริกา โดยไหมละลายสามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ จึงทำให้ไม่มีสารเคมีตกค้าง ไม่มีผลข้างเคียง ซึ่งวัสดุที่ใช้ในการทำไหมละลาย มี 3 ชนิด
- Polydioxanone (PDO) เป็นวัสดุที่มีความแข็งแรง มีความยืดหยุ่น และไม่มีสารอันตรายที่ก่อให้เกิดการแพ้ ซึ่งทางการแพทย์ก็ใช้ไหมตัวนี้ในการเย็บแผลผ่าตัด
- Polylactic acid (PLLA) เป็นวัสดุที่มีความคงทน อยู่ได้นาน แต่จะติดตรงที่มีความยืดหยุ่นน้อย ทำให้เกิดการหัก และเปราะง่าย
- Polycaprolactone (PCL) เป็นวัสดุที่มีความเหนียว มีสีใส
ร้อยไหมไม่ละลาย
ส่วนใหญ่วัสดุที่นำมาใช้จะเป็นพวกโลหะ ทองคำ หรือพลาสติก จึงทำให้ไม่สามารถสลายไปตามธรรมชาติ โดยไหมไม่ละลายมี 2 แบบ ได้แก่
- ไหมทองคำ เป็นไหมที่ผลิตมาจากทอง 99.99% โดยไหมทองคำอยู่ได้นานสูงสุดถึง 15 ปี แต่ไหมทองคำมีข้อจำกัดคือ ห้ามโดยความร้อน ไม่สามารถเข้าเครื่อง CT Scan และ MRI ได้
- ไหมพลาสติก Polypropylene เป็นไหมที่ทางการแพทย์ใช้ในการเย็บแผล แต่ไม่ได้รับความนิยม เนื่องจากมีผลข้างเคียงเยอะ
ร้อยไหม อะไรดีที่สุด ?
หากถามว่าร้อยไหมอะไรดีที่สุด คำตอบของคำถามนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล เนื่องจากบุคคลแต่ละคนมีผิวหนัง มีรูปหน้า และปัญหาที่แตกต่างกันไป แต่จากการสำรวจคนส่วนใหญ่นิยม การร้อยไหมแบบก้างปลา ซึ่งจะช่วยในเรื่องการยกกระชับผิวหนัง ใช้การปรับรูปหน้าให้ดูเรียว รวมไปถึงการแก้ไขปัญหาเรื่องความหย่อนคล้อย
ขั้นตอนการร้อยไหม
ขั้นตอนที่ 1
แพทย์จะทำการประเมินจุดที่คนไข้ต้องการแก้ไข พร้อมให้คำแนะนำแก่คนไข้
ขั้นตอนที่ 2
แพทย์จะทำการเตรียมผิวให้สะอาด ด้วยการใช้แอลกอฮอล์เช็ดทำความสะอาดทั่วบริเวณ
ขั้นตอนที่ 3
แพทย์จะทำการแปะยาชาตามจุดที่ต้องการร้อยไหม โดยทิ้งไว้ประมาณ 30 – 45 นาที จึงเช็ดออก
ขั้นตอนที่ 4
แพทย์จะทำการฉีดยาชาอีกครั้ง โดยใช้เวลาประมาณ 5 นาที กว่ายาชาจะออกฤทธิ์ ก่อนจะเริ่มทำการร้อยไหม
ขั้นตอนที่ 5
แพทย์จะทำการสอดไหมเข้าใต้ผิวหนัง ซึ่งจะขั้นตอนนี้จะใช้เวลาในการทำ ประมาณ 30 – 50 นาที
ขั้นตอนที่ 6
เมื่อร้อยไหมเสร็จเรียบร้อย ทางแพทย์จะทำการประคบเย็นให้แก่คนไข้
ข้อปฏิบัติตัว ก่อน-หลัง ร้อยไหม
การปฏิบัติตัวก่อนร้อยไหม | การปฏิบัติตัวหลังร้อยไหม |
---|---|
ผู้เข้าทำการร้อยไหมควรมีการศึกษาข้อมูล พร้อมกับปรึกษาแพทย์ เพื่อให้ประเมินโครงสร้างใบหน้า หรือปัญหาที่ต้องการแก้ไข | หลังจากทำการร้อยไหมเสร็จเรียบร้อย สามารถประคบเย็นตามบริเวณที่ร้อยไหม เพื่อลดอาการบวม |
หากผู้เข้าทำการร้อยไหม มีโรคประจำตัว หรือมีการแพ้ยา ควรแจ้งให้แพทย์รับทราบก่อนเข้าทำการร้อยไหม | ควรรับประทานยาให้ครบตามที่แพทย์สั่ง ทั้งยาลดอาการบวม และยาแก้อักเสบ |
ควรงดรับประทานยาแอสไพริน วิตามินอี และอาหารเสริม อย่างน้อย 3 – 7 วัน ก่อนทำการร้อยไหม | สามารถใส่ผ้ารัดหน้า เพื่อลดอาการบวม และช่วยพยุงไหม |
ห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 1 วัน ก่อนทำการร้อยไหม | 1 – 2 สัปดาห์หลังทำการร้อยไหม ไม่ควรรับประทานอาหารรสจัด อาหารแสลง อาหารหมักดอง และไม่ควรดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ |
ห้ามออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมที่ทำให้เลือดเกิดการสูบฉีด | หลังจากทำการร้อยไหม ควรงดการแต่งหน้า สามารถแต่งหน้าได้ในวันถัดไป |
หากมีนัดทำฟันกับแพทย์ ควรทำฟันก่อนเข้าทำการร้อยไหม เนื่องจากหลังร้อยไหม ห้ามอ้าปากกว้าง เป็นเวลา 1 เดือน | หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่โดนความร้อน อาทิเช่น การอบซาวน่า หรือการยิงเลเซอร์ เป็นต้น |
ห้ามทำสีผม และควรทำการสระผมให้สะอาด ก่อนเข้าทำการร้อยไหม | หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักๆ เนื่องจากเป็นการกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด |
หากผิวหนังบนใบหน้าเกิดปัญหา อาทิเช่น ผิวหนังอักเสบ เกิดสิวอักเสบอย่างรุนเเรง ควรเข้ารับการรักษาให้หายเรียบร้อยก่อน | ห้ามนอนคว่ำหน้า เป็นเวลา 1 เดือน เพื่อป้องกันการเสียดสี และเกิดอาการแผลกดทับ |
สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ การปฏิบัติตัวก่อน-หลังร้อยไหม | หลังจากทำการร้อยไหม ห้ามอ้าปากกว้าง เพราะจะทำให้ไหมเคลื่อนที่ผิดตำแหน่ง |
สุดท้ายนี้ผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม หมอส้ม หมอเกรซ และทีมแพทย์ Mudan Pavilion ยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย Inbox Facebook หรือ Add Line นี้ได้เลย คุณหมอตอบเองทุกเคส