คนส่วนใหญ่รู้หรือไหมว่า “ถุงใต้ตา (Eye bags)” หรือ อาการใต้ตาบวม คือ ภาวะที่เนื้อเยื่อหรือของเหลวในบริเวณเปลือกตาส่วนล่างเกิดการบวมคั่งจนเป็นถุง โดยถุงใต้ตาจะมีลักษณะเป็นถุงที่นูน หรือบวมออกมาจากขอบตา ซึ่งตามปกติแล้วไขมันใต้ตา จะถูกกั้นด้วยกล้ามเนื้อเปลือกตาล่าง จึงทำให้ผิวใต้ตามีความกระชับ และเรียบเนียน แต่เมื่ออายุที่เพิ่มขึ้น ทำให้กล้ามเนื้อเปลือกตามีการทำงานที่ไม่ปกติ จึงส่งผลให้เกิดการนูนของไขมันใต้ตา ทำให้ผิวบริเวณใต้ตามีความหย่อนคล้อย และทำให้เกิดรอยคล้ำที่ใต้ตา ซึ่งถุงใต้ตาสามารถพบได้กับคนทุกเพศ และทุกวัย ไม่ใช่แค่ผู้สูงอายุ
สารบัญ ถุงใต้ตา
- ถุงใต้ตา เกิดจากอะไร?
- ถุงใต้ตามีลักษณะอย่างไร
- วิธีลดถุงใต้ตาด้วยตัวเองแบบธรรมชาติ
- วิธีลดถุงใต้ตาด้วยวิธีทางการแพทย์
- รีวิวการกำจัดถุงใต้ตาด้วยการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
- เตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
- เลือกคลินิกฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่ไหนดี?
ถุงใต้ตา เกิดจากอะไร?
การเกิดถุงใต้ตา อาจจะมีสาเหตุมาจาก พันธุกรรม ระบบอวัยวะภายในร่างกาย มีการทำงานที่ไม่เป็นปกติ หรือพฤติกรรมการใช้ชีวิตของแต่ละบุคคล เช่นการพักผ่อนไม่เพียงพอ เป็นต้น ซึ่งถุงใต้ตา ถูกจำแนกออกเป็น ถุงใต้ตาแท้และถุงใต้ตาเทียม
ถุงใต้ตาแท้
ถุงใต้ตาแท้ ส่วนใหญ่จะพบในช่วงอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป ซึ่งมีสาเหตุการเกิดดังนี้
– พันธุกรรม เนื่องจากต่อมไร้ท่อ จะคอยทำหน้าที่ในการผลิต และการหลั่งฮอร์โมน ที่ใช้ในการควบคลุมการไหลเวียนของเหลวภายในร่างกาย ซึ่งหากต่อมไร้ท่อมีการทำงานที่ผิดปกติ ก็จะส่งผลให้ไขมันเกิดการรวมตัว อยู่บริเวณใต้ตาเกินความจำเป็น จนทำให้เกิดถุงใต้ตา
– อายุ เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดถุงใต้ตา เนื่องจากระบบภายในร่างกาย มีการทำงานที่เสื่อมลง โดยมีขั้นตอนการเกิดของถุงใต้ตา รอยหมองคล้ำใต้ตา และร่องใต้ตา ดังนี้
- ผิวหนังบางลง (Skin thining) : บริเวณรอบดวงตาจะไม่มีไขมันชั้นตื้น (Subcutaneous fat) เมื่ออายุมากขึ้น ผิวหนังรอบดวงตาบางลง ดังนั้นเวลาที่เราเห็นรอยคล้ำใต้ตา เกิดเนื่องจากสีของกล้ามเนื้อ
- คอลลาเจนถูกสร้างลดลง(Collagen degeneration) : เกิดเป็นริ้วรอยใต้ตา(Wrinkle)ได้ง่าย
- Tear trough ligament laxity : กระดูกเบ้าตายุบตัว จึงทำให้เอ็นยึดใต้ตาหย่อนตาม ส่วนพวกกล้ามเนื้อและไขมันชั้นลึกจะไม่มีที่ยึดเกาะ จึงทำให้ทุกอย่างทรุดตัวลงเกิดเป็นร่องใต้ตา
- Tear trough ligament (Zygomaticocutaneous ligament laxity) : เอ็นยึดใต้ตาหย่อนตัวลง ก็จะมีไขมันบางส่วนเปลี่ยนตำแหน่งไป เกิดการสะสมและยื่นลงมากลายเป็นลักษณะถุงใต้ตา
ถุงใต้ตาเทียม
ถุงใต้ตาเทียม ส่วนใหญ่มมักจะมีอาการแค่ชั่วคราว สามารถรักษาได้ด้วยตนเอง หรือมีการเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต ซึ่งมีสาเหตุการเกิดดังนี้
- อาการภูมิแพ้ หรือโรคภูมิแพ้ เนื่องจากบุคคลที่มีอาการภูมิแพ้ มักจะมีการระคายเคือง หรือการคัน บริเวณรอบดวงตา จึงทำให้เกิดการขยี้ หรือถูผิวบริเวณนั้นอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งทุกครั้งที่เกิดการเสียดสีก็จะทำให้เกิดการอักเสบ จนทำให้ผิวใต้ตามีความบวม และความหมองคล้ำ
- โรค ถุงใต้ตาอาจจะเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงการเป็นโรค เช่น โรคหัวใจ โรคไต หรือความดันสูง เนื่องจากร่างกายมีน้ำเกิดกว่าปกติ จึงทำผิวบริเวณใต้ตา เกิดการบวมได้ง่ายกว่าปกติ
- การพักผ่อนไม่เพียงพอ จะส่งผลให้ระบบไหลเวียนโลหิตภายในร่างกาย มีการทำงานผิดปกติ จนทำให้เลือดมีการกระจุกตัว อยู่บริเวณผิวใต้ตา ทำให้สีผิวบริเวณใต้ตามีสีเข้มขึ้น จึงทำให้เห็นถุงใต้ตาชัดขึ้น
ถุงใต้ตามีลักษณะอย่างไร
ถุงใต้ตา มีลักษณะเป็นอาการบวมนูนใต้ดวงตา ทำให้ผิวบริเวณนั้นดูหย่อนคล้อยและมีรอยคล้ำ มองเห็นเป็นเหมือนถุงเล็ก ๆ อยู่ใต้ตา ซึ่งจะทำให้ใบหน้าดูอ่อนล้าและดูแก่กว่าวัย หลาย ๆ คนเข้าใจว่าคือดอลลี่อาย แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่ สามารถอ่านบทความเพิ่มเติมถึงความแตกต่างได้ที่ ดอลลี่อาย VS ถุงใต้ตา
วิธีลดถุงใต้ตาด้วยตัวเองแบบธรรมชาติ
วิธีการลดถุงใต้ตาด้วยตัวเองแบบธรรมชาติ เป็นวิธีการดูแลรักษาตัวเองในเบื้องต้น ซึ่งวิธีการรักษาแบบธรรมชาติ จะไม่เสียค่าใช้จ่าย และสามารถหาอุปกรณ์ได้งาน ซึ่งวิธีการรักษาถุงใต้ตาแบบธรรมชาติ มีดังนี้
- แตงกวา เป็นผักที่มีส่วนประกอบของน้ำ ร้อยละ 90 และมีฤทธิ์เย็น จึงช่วยลดอาการบวม อาการอักเสบ เพิ่มความชุ่มชื้น นอกจากนี้ยังช่วยฟื้นฟูระบบไหลเวียนของเส้นเลือดฝอยรอบดวงตาได้ ซึ่งวิธีการใช้คือ นำแตงกวามาล้างน้ำให้สะอาด แล้วนำมาหั่นเป็นแว่น แล้วนำมาวางบนดวงตา ทิ้งไว้ประมาณ 15 – 20 นาที
- มะเขือเทศ เป็นผลไม้ที่มีวิตามินซี ซึ่งสารชนิดนี้จะช่วยลดความหมองคล้ำได้อย่างดี และยังช่วยบำรุงผิวบริเวณรอบดวงตาให้สดใสยิ่งขึ้น ซึ่งวิธีการใช้คือ นำมะเขือเทศมาล้างน้ำให้สะอาด แล้วนำมาหั่นเป็นแว่น แล้วนำมาวางบนดวงตา ทิ้งไว้ประมาณ 15 – 20 นาที
- มันฝรั่ง เป็นผักที่มีวิตามินบี วิตามินซี วิตามินเค และน้ำ ซึ่งจะช่วยลดอาการบวมได้อย่างดี ซึ่งวิธีการใช้คือ นำมันฝรั่งมาล้างน้ำให้สะอาด แล้วนำมาหั่นเป็นแว่น แล้วนำมาวางบนดวงตา ทิ้งไว้ประมาณ 15 – 20 นาที
- ว่านหางจระเข้ มีสารต้านอนุมูลอิสระ วิตามินบี วิตามินซี และมีวิตามินอี ซึ่งจะช่วยลดความหมองคล้ำ และช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ซึ่งวิธีการใช้คือ นำว่านหางจระเข้มาล้างน้ำให้สะอาด แล้วนำมาปอกเปลือกออก จากนั้นขูดเอาแค่วุ้นมาใช้ นำไปประคบบนดวงตา ทิ้งไว้ประมาณ 15 – 20 นาที
- เกลือ มีความชื้นสูง จึงทำให้ช่วยลดอาการบวม หรืออักเสบ รวมไปถึงยังช่วยฟื้นฟูของระบบไหลเวียนของเส้นเลือดฝอยรอบดวงตา ซึ่งวิธีการใช้คือ ใช้เกลือครึ่งช้อนโต๊ะ นำมาละลายกับน้ำอุ่น จากนั้นใช้สำลีแผ่นมาจุ่มกับน้ำเกลือ และนำไปวางบนดวงตา ทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที
วิธีลดถุงใต้ตาด้วยวิธีทางการแพทย์
สำหรับการรักษาถุงใต้ตาด้วยตนเองแบบธรรมชาติ อาจรักษาได้บางครั้งบางคราว และต้องใช้ระยะเวลานานกว่าจะเห็นผล จึงทำให้เกิดการรักษาถุงใต้ตาด้วยวิธีทางการแพทย์ ซึ่งมีวิธีการรักษาดังนี้
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา (Camouflage Filling)
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา คือ การฉีดสารเติมเต็มฟิลเลอร์ในกลุ่มไฮยาลูรอนิค แอซิด (HA : Hyaluronic Acid) เข้าไปใต้ผิวบริเวณใต้ตาที่มีปัญหา เช่น ขอบตาหมองคล้ำ ริ้วรอยใต้ตา ร่องใต้ตา เบ้าตาลึก ถุงใต้ตา ทำให้ใบหบ้าดูโทรม อ่อนล้า ดูแก่กว่าวัย และสร้างความไม่มั่นใจ
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา สามารถช่วยเติมเต็มในส่วนที่มีการยุบตัวของกระดูก ช่วยพยุงเอ็นยึดใต้ตาให้กลับไปสู่ที่เดิม แก้ไขริ้วรอยใต้ตาและสีหมองคล้ำ ให้กลับมาเต่งตึงอีกครั้ง โดยเลือกฟิลเลอร์เนื้อแข็งใช้เป็นการเติมฟิลเลอร์ชั้นลึก ซึ่งจะต้องมีความยืดหยุ่นสูง เพื่อไป support ชั้นกระดูกและเอ็นยึดรอบดวงตาให้ยกกระชับขึ้น ผลลัพธ์ที่ได้จะทำให้เอ็นที่หย่อนคล้อยมีแรงพยุงไขมันใต้ตาได้ดีขึ้น ส่งผลให้ถุงใต้ตาลดลง ไม่หย่อนเหมือนเดิม และเลือกฟิลเลอร์นิ่มมาเก็บรายละเอียดใต้ตาชั้นตื้นร่วมด้วย เพื่อความเป็นธรรมชาติและเรียบเนียนที่สุดในฟิลเลอร์จะมีคุณสมบัติเพิ่มความชุ่นชื้นให้กับผิว และยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้ผิวบริเวณที่ฉีดอีกด้วย
วิธีการผ่าตัดกำจัดถุงใต้ตา
การผ่าตัดกำจัดถุงใต้ตา ถือว่าเป็นวิธีการรักษาที่ช่วยให้รักษาถุงใต้ตาได้อย่างถาวร ซึ่งวิธีการผ่าตัดกำจัดถุงใต้ตา เหมาะกับบุคคลที่มีถุงใต้ตาหย่อนคล้อย ถุงไขมันใต้ตาเยอะ และถุงใต้ตามีความนูนออกมามาก โดยกระบวนการรักษา ทางแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จะทำการผ่าตัดอาถุงไขมันใต้ตา หนังตาส่วนเกิน หรือเอาออกเฉพาะไขมัน และทำการเย็บปิดบาดแผล ซึ่งจะทำให้เกิดรอยแผลเป็นได้
วิธีการรักษาโดยใช้คลื่นความถี่วิทยุ (Radio Frequency: RF)
คลื่นความถี่วิทยุ (Radio Frequency: RF) เป็นอีกหนึ่งวิธีในการรักษาถุงใต้ตา โดยวิธีการรักษาจะเปลี่ยนคลื่นอัลตราซาวด์ มาเป็นพลังงานความร้อน โดยจะยิงลงสู่ผิวหนังชั้น SMAS หรือบริเวณกล้ามเนื้อส่วนบน
วิธีการรักษาโดยใช้คลื่นอัลตราซาวด์ (Ultrasound)
คลื่นอัลตราซาวน์ เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ใช้ในการรักษาถึงใต้ตา ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ได้รับความนิยมอย่างมาก การรักษาโดยใช้วิธีนี้ เป็นการใช้คลื่นเสียงอัลตราซาวด์ที่มีความเข้มข้นสูง ยิงลงสู่ใต้ชั้นผิวหนังบริเวณขอบตาล่าง โดยจะช่วยสลายไขมันใต้ชั้นตาได้
รีวิวการกำจัดถุงใต้ตาด้วยการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
เตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
- ควรงดยา แอสไพริน , NSAIDs เช่น Ibuprofen , Diclofenac , Ponstan เป็นเวลา 1 อาทิตย์ก่อนทำหัตถการ และควรปรึกษาแพทย์ก่อนที่จะหยุดยานั้น ๆ
- ควรงดวิตามิน St.John Wort , Ginko biloba , Primrose oil , Garlic , Ginseng , and Vitamin E เป็นเวลา 1 อาทิตย์ก่อนทำหัตถการ
- ควรงดยาทาชนิดผลัดเซลล์ผิว เช่น ยาประเภทอนุพันธ์วิตามินเอ , Retinols , Retinoids , Glycolic Acid , หรือครีมในกลุ่ม “ Anti-Aging ” ทุกชนิด เป็นเวลา 3 วันก่อนทำ
- ควรงดการแว็ก ผลักเซลล์ผิว การดึงขนหรือโกนขนบริเวณนั้นๆ เป็นเวลา 3 วันก่อนทำหัตถการ
- หากมีคอร์สทำหน้านวดหน้าหรือเลเซอร์ต่างๆ ควรทำมาก่อนอย่างน้อย 3 วัน ก่อนฉีดฟิลเลอร์หรือร้อยไหม เพราะหลังทำต้องเว้นไปอีก 2 อาทิตย์
- หากมีโรคประจำตัว หรือยาที่กินเป็นประจำอื่นๆ ควรเตรียมข้อมูลไว้เพื่อแจ้งกับแพทย์ก่อนที่จะทำหัตถการ
เลือกคลินิกฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่ไหนดี?
ดวงตา เป็นอวัยวะอย่างหนึ่งที่สำคัญ ที่ใช้สำหรับการมองเห็น จึงทำให้การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา มีความเสี่ยง และอันตราย ดังนั้นผู้ที่จะทำการฉีดฟิลเลอร์ ควรจะทำการเลือกคลินิกที่มีคุณสมบัติดังนี้
- คลินิก ต้องมีความน่าเชื่อ ให้สังเกตุจากรีวิว
- ทีมแพทย์ที่มีประสบการณ์ และเป็นผู้เชี่ยวชาญการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
- ใช้ผลิตภัณฑ์หรือโปรดักซ์ที่เป็นของแท้
- มีบริการปรึกษาและตอบคำถามให้กับคนไข้ได้อย่างถูกต้อง
สรุป
ถุงใต้ตา เป็นปัญหาที่พบเจอกันได้ทุกเพศทุกวัย และมีวิธีแก้ไขหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นวิธีแบบธรรมชาติหรือจะเป็นการพบแพทย์เพื่อปรึกษาวิธีการรักษา และหนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยม คือ การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์จะช่วยรักษาถุงใต้ตา ต้องเลือกฉีดฟิลเลอร์กับทางแพทย์หรือหมอที่ชำนาญและมีประสบการณ์ รวมถึงใช้ฟิลเลอร์แท้ซึ่งมีคุณสมบัติที่สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ ปลอดภัย และไม่มีสารตกค้าง ภายใต้คลินิกที่ได้มาตรฐานเท่านั้น
สุดท้ายนี้ผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม หมอส้ม หมอเกรซ และทีมแพทย์ Mudan Pavilion ยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย Inbox Facebook หรือ Add Line นี้ได้เลย คุณหมอตอบเองทุกเครส