การฉีดโบท็อกเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมในการลดเลือนริ้วรอยและยกกระชับใบหน้า แต่สำหรับมือใหม่ที่เตรียมตัวฉีดโบท็อกครั้งแรก อาจมีคำถามเกี่ยวกับกระบวนการและสิ่งที่ควรรู้ก่อนการฉีด รวมถึงวิธีการเตรียมตัวเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด โดยเนื้อหาต่อจากนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจถึงขั้นตอนการฉีดโบท็อก การเตรียมตัวที่ถูกต้อง และคำแนะนำต่าง ๆ ที่จะทำให้การฉีดโบท็อกครั้งแรกของคุณปลอดภัยและเห็นผลชัดเจน
ฉีดโบท็อกครั้งแรก ควรรู้อะไร
- โบท็อก (Botox) คือ
- ฉีดโบท็อกครั้งแรก เหมาะกับใคร
- ฉีดครั้งแรกควรรู้ ข้อดี – ข้อเสีย
- ฉีดครั้งแรกควรดู โบท็อกแท้ ให้เป็น
- ฉีดโบท็อก ราคา
- ก่อนฉีดโบท็อกควรปฏิบัติอย่างไร
- คำถามที่พบบ่อย
โบท็อก (Botox) คือ
โบท็อก (Botox) คือ ชื่อทางการค้าของยาชนิดหนึ่ง คือ โบทูลินั่ม ท็อกซิน (Botulinum Toxin) ซึ่งเป็นสารที่ถูกสกัดมาจากแบคทีเรียสายพันธุ์เฉพาะชื่อ Clostridium botulinum โดยสารนี้จะอยู่ในรูปแบบโปรตีนที่มีคุณสมบัติพิเศษสามารถจับกับปลายของเส้นประสาทที่ควบคุมกล้ามเนื้อ แล้วเข้าไปยับยั้งการกระตุ้นกล้ามเนื้อที่ได้รับการควบคุมโดยเส้นประสาทบริเวณนั้น ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นที่ได้ทำการฉีดโบท็อกไม่สามารถหดตัวและอยู่ในสภาพคลายตัว
ในวงการเสริมความงาม โบท็อกจะช่วยในเรื่องการลดเหงื่อ เช่น ลดเหงื่อบริเวณรักแร้ ลดริ้วรอย การปรับปรุงรูปหน้า รวมไปถึงช่วยในเรื่องผิวหนังที่หย่อนคล้อยให้เกิดความกระชับ แต่ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์
ฉีดโบท็อกครั้งแรก เหมาะกับใคร
อย่างที่ทราบกัน การฉีดโบท็อก เป็นเทคนิคการเสริมความงามที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน โดยจะทำการฉีดเข้าตรงบริเวณกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อตรงบริเวณนั้นหยุดการทำงานชั่วคราว ทำให้ริ้วรอยที่เกิดจากการขยับตัวของกล้ามเนื้อมีความจางลง นอกจากนี้ยังช่วยในการปรับรูปหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ ดังนั้นการฉีดโบท็อก จึงเหมาะกับบุคคลเหล่านี้
- บุคคลที่ต้องการแก้ไขปัญหาเรื่องริ้วรอยบนใบหน้าที่เกิดจากการแสดงสีหน้า เช่น ริ้วรอยบริเวณหน้าผาก ริ้วรอยรอบดวงตา และริ้วรอยระหว่างคิ้ว เป็นต้น
- บุคคลที่ต้องการปรับรูปหน้า ซึ่งโบท็อกจะเข้าไปบล็อกการทำงานของกล้ามเนื้อ เช่น กล้ามเนื้อกราม ทำให้กล้ามเนื้อเกิดการหดตัว และมีขนาดเล็กลง ส่งผลให้ใบหน้ามีความเรียวขึ้น
- บุคคลที่ต้องการยกกระชับใบหน้า โดยโบท็อกจะช่วยให้กล้ามเนื้อเกิดการผ่อนคลาย ทำให้ผิวหนังเกิดความกระชับยิ่งขึ้น
- บุคคลที่ต้องการลดเหงื่อ ซึ่งโบท็อกจะเข้าไปยับยั้งสัญญาณประสาทที่สั่งให้ต่อมเหงื่อทำงาน ทำให้ต่อมเหงื่อผลิตเหงื่อออกมาน้อยลง
- โบท็อกช่วยบรรเทาอาการไมเกรน โดยการฉีดโบท็อกจะเข้าไปช่วยลดการอักเสบตรงบริเวณที่ฉีด ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดอาการปวดไมเกรน
- โบท็อกสามารถรักษาอาการกล้ามเนื้อกระตุก หรืออาการเกร็ง ตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น อาการตากระตุก ริมฝีปากกระตุก เป็นต้น
- บุคคลที่ต้องการแก้ไขปัญหาโดยไม่ต้องทำการผ่าตัด ไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้น และสามารถเห็นผลได้ทันที
ฉีดครั้งแรกควรรู้ ข้อดี – ข้อเสีย
การฉีดโบท็อก เป็นการฉีดสารเข้าตรงบริเวณกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อตรงบริเวณนั้นหยุดการทำงานชั่วคราว ดังนั้นก่อนการตัดสินใจฉีด ควรทำความเข้าใจข้อดี – ข้อเสีย เพื่อประกอบการตัดสินใจ
ข้อดีของการฉีดโบท็อก
อย่างที่ทราบว่าโบท็อกเป็นเทคนิคเสริมความงามที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากโบท็อกมีความปลอดภัย มีประสิทธิภาพ สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีหลังการฉีด ไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้น และไม่ต้องทำการผ่าตัด นอกจากนี้โบท็อกยังมีคุณสมบัติช่วยยับยั้งการทำงานของกล้ามเนื้อ ทำให้หลังจากการฉีดกล้ามเนื้อไม่สามารถหดตัวได้ ส่งผลให้ริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงออกทางสีหน้า เช่น ริ้วรอยระหว่างคิ้ว ริ้วรอยบริเวณหน้าผาก หรือรอยตีนกามีความจางลง และยังช่วยยกกระชับใบหน้า ทำให้ใบหน้ามีความเรียบเนียน ดูอ่อนกว่าวัย รวมถึงช่วยลดเหงื่อ โดยโบท็อกจะเข้าไปยับยั้งสัญญาณประสาทที่สั่งให้ต่อมเหงื่อทำงาน ทำให้ต่อมเหงื่อผลิตเหงื่อน้อยลง วงการแพทย์โบท็อกถูกนำมาช่วยบรรเทาอาการไมเกรน และรักษาอาการกล้ามเนื้อกระตุก เป็นต้น
ข้อเสียของการฉีดโบท็อก
หลังจากการฉีดโบท็อกอาจมีผลข้างเคียง เช่น อาการบวมแดง อาการปวด และรอยช้ำตรงบริเวณที่ฉีด แต่จะจางหายไปเองภายใน 1 – 2 วัน นอกจากนี้โบท็อกให้ผลลัพธ์ไม่ถาวร อาจต้องมีการฉีดซ้ำทุก 4 – 6 เดือน เพื่อรักษาผลลัพธ์ และหากมีการฉีดในปริมาณที่มากจนเกินไป อาจทำให้กล้ามเนื้อใบหน้าอ่อนแรงจนดูแข็ง และไม่เป็นธรรมชาติ
ฉีดครั้งแรกควรดู โบท็อกแท้ ให้เป็น
การฉีดโบท็อก เป็นเทคนิคการเสริมความงามที่ได้รับความนิยมอย่างมาก จึงทำให้มีโบท็อกปลอมออกมาจำหน่าย ซึ่งหลังจากการฉีดโบท็อกปลอม อาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น เกิดอาการแพ้อย่างรุนแรง มีผื่น มีอาการบวม เป็นต้น นอกจากนี้อาจร้ายแรงถึงขั้นเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น กล้ามเนื้ออ่อนแรง ปากเบี้ยว หรือหนังตาตก การเลือกคลินิกหรือสถานพยาบาลที่สามารถตรวจสอบได้จึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อความปลอดภัย และเพื่อไม่ให้เกิดผลข้างเคียงที่ตามมา
วิธีการดูโบท็อกแท้ มีดังนี้
- สังเกตจากเลขทะเบียน อย. และเอกสารกำกับ โดยโบท็อกแท้จะต้องมีเลขทะเบียนอย. และเอกสารกำกับฉลากภาษาไทยที่ชัดเจน นอกจากนี้เลขที่อย. บนกล่องและขวดยาต้องตรงกัน
- สังเกตจากบรรจุภัณฑ์ โบท็อกของแท้ส่วนใหญ่จะมีฝาพลาสติกใสปิดทับอยู่ด้านบน เพื่อป้องกันการเปิด และฝาผิดต้องอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ ไม่บุบสลาย หรือร่องรอยของการเปิด
- สังเกตจากตัวยา โดยโบท็อกจะมีลักษณะเป็นผงแห้ง หรือของเหลวใส ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น และขวดยาต้องสะอาด ไม่มีคราบสกปรก หรือตกตะกอน ตัวอย่างโบท็อกที่นิยมในไทย เช่น โบท็อก Dysport และ โบท็อก Allergan
- ตรวจสอบจากแหล่งที่มา เลือกคลินิกหรือสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน มีใบอนุญาตประกอบกิจการ และมีแพทย์ที่มีความชำนาญ
- ตรวจสอบจากราคา โบท็อกแท้จะมีราคาที่แน่นอน และไม่ถูกจนเกินไป หากพบเห็นราคาที่ถูกกว่าปกติ ควรระวัง
ฉีดโบท็อก ราคา
ก่อนฉีดโบท็อกควรปฏิบัติอย่างไร
อย่างที่คนส่วนใหญ่รู้ การฉีดโบท็อกเป็นการฉีดสารประเภทหนึ่งเข้าสู่บริเวณกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อตรงบริเวณที่ทำการฉีด เกิดการทำงานที่ลดลงจนเกิดการหดตัว และทำให้เกิดการกระชับ ดังนั้นเพื่อไม่ให้เกิดผลข้างเคียงที่รุนแรง และมีความปลอดภัยกับผู้ฉีด รวมถึงการคงอยู่ของผลลัพธ์ ผู้ทำการฉีดควรปฏิบัติตัวก่อนเข้ารับการฉีดโบท็อก ดังนี้
- ก่อนทำการฉีดโบท็อก ผู้ทำการฉีดควรเข้าพบแพทย์ เพื่อขอคำแนะนำ ประเมินอาการ และต้องทำการตรวจร่างกายเพื่อเตรียมความพร้อม
- งดการทานอาหารเสริม หรือวิตามิน ที่มีคุณสมบัติทำให้เลือดหยุดไหลยาก เช่น น้ำมันปลา น้ำมันอิฟนิ่งพริมโรส วิตามิน E สารสกัดที่มาจากโสม ขิง กระเทียม และใบแปะก๊วย เป็นเวลา 14 วันก่อนการฉีด
- งดทานยาแก้ปวด ยาแอสไพริน และยากลุ่มต้านการอักเสบ NSAIDs อาทิเช่น Naproxen, Ibuprofen เป็นเวลา 14 วันก่อนการฉีด
- งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และงดการสูบบุหรี่ เป็นเวลา 1 วันก่อนการฉีด เพราะอาจทำให้เลือดออกง่าย และส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของโบท็อก
- หลีกเลี่ยงการทำทรีทเมนต์ที่ทำให้ผิวระคายเคือง เช่น เลเซอร์ สครับ หรือขัดผิว เป็นเวลา 3 วันก่อนการฉีด
- หากมีโรคประจำตัว หรือยาที่ต้องรับประทานเป็นประจำ รวมถึงการแพ้ยา ควรแจ้งกับแพทย์
คำถามที่พบบ่อย
ฉีดโบท็อกอันตรายไหม ?
การฉีดโบท็อกถือว่าเป็นวิธีที่มีความปลอดภัย หากทำการฉีดโดยแพทย์ที่มีความชำนาญ และมีประสบการณ์การฉีดโบท็อก นอกจากนี้ควรเลือกฉีดกับคลินิกที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่น่าเชื่อถือ มีการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ และอุปกรณ์ที่มีมาตรฐาน ซึ่งหากเลือกฉีดกับแพทย์ที่ไม่มีความชำนาญ ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน อาจส่งผลข้างเคียงที่รุนแรง เช่น เกิดการแพ้ เกิดการติดเชื้อตรงบริเวณที่ฉีด และอาจทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง เป็นต้น
ฉีดโบท็อก ตรงไหนได้บ้าง ?
การฉีดโบท็อกสามารถฉีดได้หลายจุด และจำนวนยูนิตที่ใช้จะขึ้นอยู่กับปัญหาของแต่ละบุคคล ซึ่งก่อนการฉีดควรได้รับการประเมิณจากแพทย์ก่อน
- บริเวณกราม ใช้ประมาณข้างละ 25-30 ยูนิต
- บริเวณหน้าผาก ใช้ประมาณ 15-20 ยูนิต
- บริเวณระหว่างคิ้ว ใช้ประมาณ 6-15 ยูนิต
- บริเวณหางตา ใช้ประมาณ 15-20 ยูนิต
- บริเวณสันจมูก ใช้ประมาณ 4-6 ยูนิต
- บริเวณปีกจมูก ใช้ประมาณ 15-20 ยูนิต
- บริเวณรักแร้ ใช้ประมาณ 80-100 ยูนิต
- บริเวณน่อง ใช้ประมาณ 100-200 ยูนิต
- ลิฟกรอบหน้า ใช้ประมาณ 30-50 ยูนิต
- ลิฟเหนียง ใช้ประมาณ 30-50 ยูนิต
- ลิฟคอ ใช้ประมาณ 30-50 ยูนิต
ส่วนใครถ้ายังไม่รู้ว่า โบท็อก 100 ยู เท่ากับกี่ CC สามารถคลิปอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
ฉีดโบท็อก? กี่วันเห็นผล ?
การฉีดโบท็อก 1 เดือนหลังจากการฉีดส่วนใหญ่จะเริ่มเห็นผลลัพธ์ แต่ระยะเวลาการเห็นผลอาจจะขึ้นอยู่กับบริเวณที่ทำการฉีด ปริมาณที่ทำการฉีด และยี่ห้อที่ใช้ในการฉีด เป็นต้น