โปรแกรมฟิลเลอร์

เติมเต็มใบหน้า ด้วยเทคนิคพิเศษเฉพาะ
ที่ Mudan Pavilion Wellness Center

10 จุดฉีดฟิลเลอร์ ปรับรูปหน้า หน้าเด็กตลอดกาล

ข้อมูลที่น่ารู้ เกี่ยวกับ ฟิลเลอร์

ฟิลเลอร์แบบไหน ราคาเท่าไหร่ เหมาะกับส่วนไหน?

.

หากเป็นฟิลเลอร์ Hyaluronic Acid แท้ สลายได้หมด โดยจะสลายไปเองตามธรรมชาติ ระยะเวลาขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์ที่ใช้ในแต่ละยี่ห้อ แต่ถ้าต้องการสลายทันทีก็ฉีดสลายฟิลเลอร์ ช่วยละลายออกได้หมด 100% เป็นวิธีทำให้ฟิลเลอร์สลายอย่างรวดเร็ว ทำให้ผิวกลับคืนสู่สภาพเดิมได้ค่ะ

เมื่อฉีดสลายฟิลเลอร์ไปแล้วจะไม่แนะนำให้ฉีดฟิลเลอร์ใหม่ทันที ควรเว้นระยะเวลาไว้ 5-7 วัน เพื่อให้ยาสลายฟิลเลอร์ออกฤทธิ์ให้หมดก่อน และเนื้อเยื่อเริ่มเข้าที่แล้วจึงปรึกษาหมอเพื่อฉีดฟิลเลอร์ใหม่ได้ค่ะ

ฟิลเลอร์ใต้ตาเหมาะกับใคร

● คนที่มีปัญหารอยคล้ำใต้ตาที่เป็นสาเหตุทำให้ใบหน้าดูไม่สดใส เหมือนคนพักผ่อนน้อย
● คนที่มีปัญหาริ้วรอยใต้ตา ร่องใต้ตา หลังจากทำการรักษาจะทำให้ผิวบริเวณนั้นอิ่มฟู ร่องใต้ตาเรียบเนียน
● คนที่มีปัญหาถุงใต้ตาเกิดจากอายุที่เพิ่มมากขึ้น กระดูกยุบตัว เอ็นยึดใต้ตาหย่อน ฟิลเลอร์จะไปเติมเต็มในส่วนที่ขาดหายไปและช่วยชะลอความชราในอนาคตได้ ทำให้ถุงใต้ตาเรียบเนียน ดูอ่อนเยาว์
● เหมาะกับคนที่กลัวการผ่าตัดถุงใต้ตา แพ้การดมยาสลบ ไม่มีเวลาพักฟื้น
● คนที่อยากเห็นผลลัพธ์ทันทีหลังทำ

 

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา แก้ปัญหาอะไรได้บ้าง ?

● แก้ปัญหาขอบตาดำ ใต้ตาคล้ำ

● แก้ปัญหาร่องใต้ตา เบ้าตาลึก

● ลดริ้วรอยใต้ตา

● แก้ปัญหาถุงใต้ตาหย่อนคล้อย

 โดยทางเราจะมีประเมินและวิเคราะห์ต้นสาเหตุของปัญหา และทำการแก้ไขจุดบกพร่องเพื่อผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด และได้สัดส่วนของใบหน้าที่ดูสวยขึ้น

●     สีคล้ำใต้ตา / ร่องใต้ตา : ใช้ประมาณ 1-2 CC
โดยเลือกฟิลเลอร์นิ่มใช้เป็นการเติมฟิลเลอร์ใต้ตาชั้นตื้น จะเก็บรายละเอียดสีคล้ำใต้ตา ร่องและริ้วรอยตื้นๆ บริเวณผิวหนังใต้ตาที่เกิดจากการขาดคอลลาเจน ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ใช้ประมาณ 1-2 cc

●     ถุงใต้ตา : เริ่มต้นที่ 3 CC ขึ้นอยู่กับระดับของถุงใต้ตา
โดยเลือกฟิลเลอร์นิ่มใช้เป็นการเติมฟิลเลอร์ใต้ตาชั้นตื้น จะเก็บรายละเอียดสีคล้ำใต้ตา ร่องและริ้วรอยตื้นๆ บริเวณผิวหนังใต้ตาที่เกิดจากการขาดคอลลาเจน

หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา จะมีอาการบวมเล็กน้อย ประมาณ 2-3 วันหลังการรักษา และจะค่อย ๆ ยุบหายไปเอง โดยใช้ระยะเวลาประมาณ 1-2 อาทิตย์ถึงจะเข้าที่ ระหว่างเดียวกัน หมอไม่แนะนำให้รับประทานอาหารหมักดอง เพราะมีโซเดียมผสมอยู่เป็นจำนวนมาก หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกประเภท เพื่อลดความเสี่ยงในเรื่องของอาการบวม หลังจากนั้นหมอจะนัดมาดูผลอีกครั้ง

หลังจากประเมินและวิเคราะห์สาเหตุของร่องแก้มจากนั้นก็แบ่ง Grade ของระดับความรุนแรงของร่องแก้ม เพื่อแก้ไขปัญหาที่ต้นสาเหตุและเพื่อได้ผลลัพธ์ที่ออกมาธรรมชาติที่สุด

●       Grade 1-3 : ใช้ปริมาณฟิลเลอร์ 1-2 CC
ฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มเข้าไปที่ร่องแก้ม โดยเลือกผลิตภัณฑ์ที่เข้ากับลักษณะผิวของคนไข้ เพื่อความเรียบเนียน ดูธรรมชาติ ไม่เป็นก้อน

●       Grade 4-5 :ใช้ปริมาณฟิลเลอร์ 4 CC ขึ้น
ซึ่งเกิดจากอายุที่เพิ่มมากขึ้น ใบหน้าตกลง ดังนั้นนอกจากจะฉีดฟิลเลอร์เพื่อเติมเต็มเข้าไปตรงร่องแก้มแล้ว ควรฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาร่วมด้วย โดยฉีดยกผิวในชั้นกระดูกเพื่อดึงโครงสร้างผิวโดยรวมทั้งหมดขึ้นไปด้านบน จะทำให้เนื้อแก้มเหนือร่องแก้มน้อยลง จากนั้นก็มาฉีดฟิลเลอร์บริเวณร่องแก้มจะดูเต็มอย่างเป็นธรรมชาติ หากฉีดแก้ไขแต่เพียงร่องแก้มอย่างเดียว จะทำให้ร่องแก้มแย่ลงกว่าเดิมได้ เนื้อจะยิ่งกองบริเวณเหนือร่องแก้มมากขึ้น ดูผิดธรรมชาติ

หลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม จะมีอาการบวมเล็กน้อย ประมาณ 2-3 วันหลังการรักษา และจะค่อย ๆ ยุบหายไปเอง โดยใช้ระยะเวลาประมาณ 1-2 อาทิตย์ถึงจะเข้าที่ ระหว่างเดียวกัน หมอไม่แนะนำให้รับประทานอาหารหมักดอง เพราะมีโซเดียมผสมอยู่เป็นจำนวนมาก หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกประเภท เพื่อลดความเสี่ยงในเรื่องของอาการบวม หลังจากนั้นหมอจะนัดมาดูผลอีกครั้ง

การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม จะอันตรายอย่างไรนั้นขึ้นอยู่หลายปัจจัยด้วยกัน ดังนี้

●     การใช้ฟิลเลอร์ปลอม :หากใครได้ยินคำเคลมว่าฟิลเลอร์อยู่ได้นานเกิน 5 ปี หรือเป็นฟิลเลอร์กึ่งถาวร นั่นถือว่าเป็นฟิลเลอร์ปลอม  เช่น ซิลิโคนเหลว น้ำมันพาราฟิน หากฉีดเข้าไปแล้วจะเป็นอันตรายอย่างมาก เพราะถ้าอยู่ใต้ผิวหนังเป็นระยะเวลานานจนเกินไป อาจจะมีการเคลื่อนตำแหน่งไปยังจุดอื่น ๆ บนใบหน้า หรือจับตัวเป็นก้อนบวม เกิดการอักเสบ อาจถึงอันตรายถึงชีวิตได้

●     แพทย์ไม่มีความเชี่ยวชาญ : แพทย์ที่มีความชำนาญจะมีระบบการรักษาอย่างเป็นระเบียบ เริ่มต้นด้วยการประเมินสาเหตุของการเกิดร่องแก้มในแต่ละคน วินิจฉัยปัญหาต่าง ๆ เพื่อแก้ไขร่องแก้มลึกได้ตรงจุด เพราะถ้าเกิดความผิดพลาดในวิธีการ หรือหากไม่มีประสบการณ์ในการฉีดฟิลเลอร์ อาจทำให้ปัญหาแย่ลง ทำให้ร่องแก้มลึกกว่าเดิม เป็นก้อนและดูไม่เป็นธรรมชาติ

●     ใช้ฟิลเลอร์ผิดประเภท : ด้วยฟิลเลอร์ในปัจจุบันมีหลายยี่ห้อ และหลายรุ่น จุดเด่นและคุณสมบัติที่ต่างกันออกไป  จึงจำเป็นต้องเลือกเนื้อฟิลเลอร์ให้เหมาะกับผิวบริเวณที่ฉีด เพราะการใช้ฟิลเลอร์ที่มีความละเอียดของโมเลกุลใหญ่เกินไปฉีดในจุดที่ผิวบางหรืออ่อน เช่น บริเวณร่องแก้ม อาจจะส่งผลให้เกิดการหน่วงของผิวบริเวณที่ฉีด ทำให้ฟิลเลอร์เกิดการเคลื่อนที่ไปยังบริเวณอื่นบนใบหน้า หรือฟิลเลอร์เป็นก้อน
คำแนะนำจากคุณหมอ:  ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ควรเลือกใช้ฟิลเลอร์เนื้ออ่อน ทนต่อการขยับได้ดี เนื่องจากผิวชั้นบนบริเวณร่องแก้ม มีความแห้งและบางมาก การเลือกใช้ฟิลเลอร์เนื้ออ่อน จะทำให้ฟิลเลอร์กระจายตัวและเรียบเนียนไปกับผิวได้อย่างเป็นธรรมชาติที่สุด

ผลข้างเคียงอื่น ๆ :
●      เนื้อเยื่อได้รับความเสียหาย
●      ฟิลเลอร์จับตัวเป็นก้อน
●      ติดเชื้อ
●      ตาบอด

การฉีดฟิลเลอร์คาง : เป็นการปรับแต่งใบหน้าให้เข้ารูปได้โดยไม่ต้องผ่าตัด ใช้เวลาน้อย ทำให้ไม่มีแผล ไม่ต้องพักฟื้น หลังฉีดฟิลเลอร์คางจะเห็นผลลัพธ์ได้ทันที ไม่บวมช้ำ สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ฟิลเลอร์คางตอบโจทย์คนที่อยากมีคางสวยแต่ไม่อยากผ่าตัดใหญ่ 

การผ่าตัดเสริมคาง : เป็นการเปลี่ยนรูปคางแบบถาวรโดยการผ่าตัด ใช้เวลามากกว่า มีกระบวนการที่เสี่ยงกว่าและทำได้ยากกว่า ต้องปรึกษาแพทย์และอยู่ในความดูแลแพทย์อย่างใกล้ชิด หลังผ่าตัดต้องใช้เวลาพักฟื้นและต้องดูแลแผลอย่างถูกต้อง หากทำมาแล้วไม่ชอบจะแก้ไขรูปทรงได้ยากกว่าการฉีดฟิลเลอร์คาง

การฉีดฟิลเลอร์ปาก และการผ่าตัดปาก มีข้อดีแตกต่างกันไปค่ะ การฉีดฟิลเลอร์จะเน้นปรับทรงปากให้ดูอวบอิ่มขึ้น สามารถทำทรงปากกระจับได้ แต่อยู่ไม่ได้ถาวร ส่วนการผ่าตัดปากมีข้อดีคือรักษารูปปากไว้ได้ถาวร แต่ก็ต้องรับความเสี่ยงจากการผ่าตัด และหากมีข้อผิดพลาดก็แก้ไขได้ยากค่ะ ในกรณีที่ผ่าตัดทำปากบางมาแล้วบางเกินไป ในบางเคสสามารถใช้ฟิลเลอร์ปากแก้ให้ดีขึ้นได้ค่ะ แต่ก็ขึ้นกับผังผืดที่เกิดจากการผ่าตัด ถ้าผังผืดดึงรั้งมากก็จะเติมฟิลเลอร์ได้น้อย ดังนั้นก่อนที่จะผ่าตัดทำริมฝีปากบางควรศึกษาข้อมูลให้ดี เพราะหมอเองก็เจอคนไข้หลาย ๆ เคสที่ผ่าตัดริมฝีปากมาบางเกินไปเนื้อน้อยมากจนไม่สามารถเติมฟิลเลอร์แก้ได้ และไม่สามารถแก้ไขด้วยวิธีใด ๆ ได้เลย

โดยทั่วไป ฉีดฟิลเลอร์ปาก 1 cc ก็เพียงพอสำหรับเติมปากให้สวยงามแล้วค่ะ ยกเว้นในบางเคสที่ต้องการเพิ่มวอลลุ่มมาก ๆ อาจจะต้องใช้ 2 cc เพื่อให้ปากเต็มอวบอิ่ม โดยหมอจะช่วยประเมินก่อนและแนะนำปริมาณที่เหมาะสมให้เป็นรายบุคคลค่ะ

เนื่องจากเทรนด์ การฉีดฟิลเลอร์ปาก ได้รับความนิยมเกี่ยวกับรูปทรงปากในขณะนี้ คือ ปากสายฝอ ปากหนาแบบตะวันตก
คนไข้สามารถนำรูปทรงปากที่ชอบ เพื่อมาปรึกษากับคุณหมอ โดยสามารถร่วมออกแบบกับคุณหมอ เพื่อให้ทรงปากที่ออกมาเข้ากับใบหน้าคนไข้ที่สุด

ใครที่ต้องการปรับแก้ไขรูปหน้าผากที่ไม่สมบูรณ์ แต่ยังเลือกไม่ได้ ระหว่างการฉีดฟิลเลอร์หรือเสริมด้วยซิลิโคน มาดูข้อดีและข้อเสียของการปรับแก้ไขรูปหน้าทั้ง 2 แบบกันค่ะ

การฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก
●       หน้าผากเป็นธรรมชาติมากกว่าการเสริมด้วยซิลิโคน
●       สามารถทยอยฉีดได้ ครั้งละ 1-2 CC. และสามารถฉีดเพิ่มได้ เพื่อปรับแต่งได้ตามความต้องการ
●       สะดวกและง่ายกว่าการผ่าตัดมาก
●       การฉีดฟิลเลอร์หน้าผากสามารถอยู่ได้ 18-24 เดือน และจะค่อย ๆ สลายหายไปตามธรรมชาติ
●       แผลเล็กเจ็บน้อยกว่า ไม่ต้องเปิดแผลกว้าง ไม่มีรอยแผลเป็น
●       ไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้น

การเสริมหน้าผากด้วยซิลิโคน
●       สามารถอยู่ได้ถาวร โดยไม่ต้องฉีดซ้ำ
●       ไม่สามารถแก้ไขได้ ต้องทำการผ่าตัดเปลี่ยนซิลิโคนเท่านั้น
●       หากต้องการเพิ่มทั้งมิติและปริมาตรของหน้าผาก การเสริมด้วยซิลิโคนจะได้เปรียบมากกว่า
●       ให้ผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจน
●       ซิลิโคนที่ใช้เสริมหน้าผากนั้นมีขนาดใหญ่ จึงต้องเปิดแผลขนาดใหญ่เพื่อใส่ซิลิโคน
●       ต้องใช้เวลาในการพักฟื้นและดูแลความสะอาดของแผลเป็นอย่างดีเพื่อป้องกันการติดเชื้อ

วิธีดู ฟิลเลอร์ ของแท้

ทุกเคสทำการฉีดโดยแพทย์ Speaker ผู้สอนฉีดฟิลเลอร์ ที่มีความเชี่ยวชาญ
การันตีด้วยรางวัล Trainer Honorable Recognition Award 2022
มั่นใจ ปลอดภัย ด้วยฟิลเลอร์แท้
พร้อมให้คำปรึกษาและมีการวิเคราะห์ออกแบบปรับรูปหน้าเฉพาะบุคคลได้อย่างตรงจุด
เทคนิคเฉพาะของทีมแพทย์ ที่ Mudan Pavilion Wellness Center
ใส่ใจติดตามผลหลังทำหัตถการทุกเคสดูแลคุณเหมือนคนในครอบครัว

ข้อปฏิบัติตัว ก่อนฉีดฟิลเลอร์

ข้อปฏิบัติตัว หลังฉีดฟิลเลอร์

ข้อปฏิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์

“ยืนยันจากทุกเสียงของคนไข้ถึงความมือเบา ความปราณีตของคุณหมอ”

กรอกข้อมูลเพื่อให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับ