โบท็อก 100 ยูนิต (unit) เท่ากับกี่ cc ? และฉีดตรงไหนได้บ้าง ?

โบท็อกซ์ 100 unit

โบท็อก 100 ยูนิต (unit) เป็นปริมาณที่มักถูกถามถึงบ่อย ๆ ว่าเทียบเท่ากับกี่ซีซี (cc) เพียงพอสำหรับการแก้ไขปัญหาอะไรบ้าง และสามารถฉีดบริเวณไหนได้ โดยการรู้ปริมาณและบริเวณที่เหมาะสมสำหรับการฉีดโบท็อกจะช่วยให้คุณได้ผลลัพธ์ที่ตรงใจ ในราคาที่เหมาะสมและปลอดภัยมากขึ้น ซึ่งบทความนี้จะมาตอบทุกคำถามของโบท็อก 100 ยูนิต

โบท็อก 100 ยูนิต

โบท็อก คืออะไร ?

โบท็อก หรือ โบทูลินั่ม ท็อกซิน (Botulinum toxin) เป็นสารพิษที่ถูกผลิตขึ้นมาจากแบคทีเรีย Clostridium botulinum โดยกระบวนการรักษาทางแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะทำการฉีดสารเข้าตรงบริเวณกล้ามเนื้อ ซึ่งโบท็อกจะเข้าไปยับยั้งการทำงานของเส้นประสาทที่สั่งการให้กล้ามเนื้อหดตัว ทำให้กล้ามเนื้อตรงบริเวณนั้นเกิดการคลายตัว และทำให้หยุดทำงานชั่วคราว

โดยโบท็อก 100 ยูนิต นั้น ในที่นี้หมายถึงหน่วยวัดปริมาณของสารโบทูลินัมท็อกซิน ที่เป็นส่วนประกอบหลักของโบท็อกนั่นเอง โดยการใช้ยูนิตในการวัดปริมาณโบท็อกเป็นวิธีที่ถูกต้องและแม่นยำที่สุด ช่วยให้ทั้งแพทย์และผู้รับบริการเข้าใจถึงปริมาณที่ใช้ และคาดการณ์ผลลัพธ์ที่ได้อย่างแม่นยำ

โบท็อก 1 ขวด มีกี่ยูนิต ?

โดยปกติโบท็อกในขวดจะมาในรูปแบบของผงแห้งที่เคลือบติดอยู่ก้นขวด ซึ่ง 1 ขวดจะมี 100 ยูนิต แต่ก็มีขนาดอื่น ๆ ด้วย เช่น 50 ยูนิต, 200 ยูนิต, และ 300 ยูนิตสำหรับบางยี่ห้อ โดยก่อนจะนำมาฉีด แพทย์จะนำมาผสมกับน้ำเกลือเพื่อให้ตัวยาละลาย

โบท็อก 100 ยูนิต (unit) เท่ากับกี่ cc

คนส่วนใหญ่อาจจะยังไม่ทราบว่าโบท็อกในขวดจะมาในรูปแบบของผงแห้ง จึงทำให้โบท็อก 100 ยูนิตไม่สามารถเทียบเป็น cc ได้โดยตรง แต่หากต้องการเทียบเป็น cc จะเป็นตอนที่ทำการผสมน้ำเกลือ โดยน้ำเกลือจะช่วยละลายตัวยา ซึ่งโบท็อก 100 ยูนิตจะใช้น้ำเกลือประมาณ 2.6 cc หรือโบท็อก 50 ยูนิตจะใช้น้ำเกลือประมาณ 1.3 cc นั้นเอง เพราะฉะนั้นอาจตอบคำถามนี้ได้ว่า โบท็อก 100 ยูนิต (unit) เท่า 2.6 cc โดยประมาณ ส่วนใครที่อยากรู้ 1 cc เยอะไหม สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่

โบท็อก 100 ยูนิต ฉีดตรงไหนได้บ้าง ?

การฉีดโบท็อก 100 ยูนิตสามารถฉีดได้หลายจุดบนใบหน้า แต่ปริมาณที่ใช้ในการฉีดแต่ละครั้งจะมีความแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับจุดที่จะฉีดและปัญหาที่ต้องการแก้ไข ซึ่งทุกครั้งก่อนทำการฉีดต้องได้รับการประเมินจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

โบท็อกซ์ 100 ยูนิต ฉีดตรงไหนได้บ้าง
  • บริเวณหน้าผาก ส่วนใหญ่จะใช้ประมาณ 30 ยูนิต
  • บริเวณระหว่างคิ้ว ส่วนใหญ่จะใช้ประมาณ 25 ยูนิต
  • บริเวณหางตา ส่วนใหญ่จะใช้ประมาณ  25 ยูนิต
  • บริเวณปีกจมูก ส่วนใหญ่จะใช้ประมาณ 25 ยูนิต
  • ลิฟกรอบหน้า ส่วนใหญ่จะใช้ประมาณ ข้างละ 30 – 50  ยูนิต
  • ลดกรามสองข้าง  ส่วนใหญ่จะใช้ประมาณ 50 – 100 ยูนิต
  • ลดริ้วรอยทั่วหน้า ส่วนใหญ่จะใช้ประมาณ 100 – 165 ยูนิต

โบท็อก 100 ยูนิต (unit) ราคา

ราคาของโบท็อก 100 ยูนิต อาจมีความแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น คลินิกที่ให้บริการ บริเวณที่ฉีด โปรโมชั่น หรือยี่ห้อของโบท็อกที่ฉีด เช่นโบท็อก Botox ของเกาหลี จะมีราคาประมาณ 11,000 บาท Botox ของอเมริกา จะมีราคาประมาณ 20,000 บาท หรือ 50 unit จะมีราคาประมาณ 12,000 บาท Botox ของอังกฤษ จะมีราคาประมาณ 20,000 บาท และ Botox ของเยอรมัน จะมีราคาประมาณ 17,000 บาท เป็นต้น

คำถามที่พบบ่อย

ฉีดโบท็อก ต้องผสมน้ำเหลือไหม ?

อย่างที่ทราบกัน โบท็อกในขวดจะอยู่ในรูปแบบของผงแห้ง ไม่สามารถนำมาฉีดได้โดยตรง จำเป็นต้องนำน้ำเกลือมาผสมเพื่อให้ตัวยาละลายและกระจายตัวอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ยังเพื่อควบคุมปริมาณของตัวยา โดยการผสมน้ำเกลือจะช่วยให้แพทย์สามารถควบคุมปริมาณยาที่จะนำมาฉีดได้อย่างแม่นยำ ซึ่งอัตราส่วนโบท็อก 100 ยูนิต ต้องผสมน้ำเกลือประมาณ 2.6 cc หรือโบท็อก 50 ยูนิต ต้องผสมน้ำเกลือ 1.3 cc

ฉีดโบท็อก 100 ยูนิต เห็นผลไหม ?

การฉีดโบท็อก 100 ยูนิต ส่วนใหญ่จะเห็นผล แต่ผลลัพธ์ที่ได้ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น บริเวณที่ทำการฉีด หากฉีดเพื่อลดริ้วรอย 100 ยูนิตถือว่าเพียงพอแล้ว แต่ถ้าต้องการฉีดเพื่อลดกรามหรือต้องการยกกระชับ อาจต้องใช้ปริมาณมากกว่านั้น นอกจากนี้ยังขึ้นอยู่กับปัญหาที่ต้องการแก้ไข ปัญหาที่รุนแรงอาจต้องใช้ปริมาณโบท็อกมากขึ้น รวมถึงสภาพผิวและกล้ามเนื้อ การที่มีผิวบางหรือกล้ามเนื้อที่อ่อนอาจใช้โบท็อกน้อยกว่าผิวที่มีความหนาหรือกล้ามเนื้อที่แข็งแรง รวมถึงประเภทของโบท็อกที่ใช้ด้วย

ฉีดโบท็อก 100 ยูนิต ที่ไหนดี ?

  • คลินิกหรือสถานบริการต้องมีใบอนุญาตสถานพยาบาลและเลขที่ใบอนุญาต 11 หลักอย่างชัดเจน สามารถตรวจสอบได้
  • ทีมแพทย์ต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม หรือใบอนุญาตประกอบโรคศิลปะ และต้องมีความชำนาญในการฉีดโบท็อก
  • คลินิกหรือสถานบริการต้องเลือกใช้อุปกรณ์หรือตัวยาที่เป็นของแท้ เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดอาการแพ้และการติดเชื้อ
  • คลินิกหรือสถานบริการต้องมีบริการให้คำปรึกษาก่อนการฉีด และสามารถตอบคำถามให้กับคนไข้ได้อย่างถูกต้อง
  • ต้องมีรีวิวจากผู้ที่เข้ามาใช้บริการจริง โดยเฉพาะการฉีดโบท็อก
  • คลินิกหรือสถานที่ให้บริการต้องได้มาตรฐาน มีอุปกรณ์ที่เพียงพอและทันสมัย เพื่อความปลอดภัย
  • คลินิกหรือสถานที่ให้บริการควรตั้งอยู่ในทำเลที่ง่ายต่อการเดินทางและสะดวกต่อการเข้าใช้บริการ
  • ต้องมีบริการดูแลหลังการฉีด โดยคลินิกต้องมีการติดตามผลและการดูแลหลังจากการฉีดอย่างเหมาะสม