อยากหน้าเรียว เล็กลง ลดเหนียง โดยไม่ต้องผ่าตัดต้องฉีดอะไรดี ? บทความนี้รวมวิธีทำให้หน้าเรียว เล็กลง แบบไม่ต้องผ่าตัดถึง 14 วิธี ไม่ว่าจะเป็นการดูแลตัวเองจากภายในสู่ภายนอก หรือเทคโนโลยีความงามที่ทันสมัย ช่วยแก้ปัญหาหน้าบาน หน้ากลม แก้มเยอะ ให้คุณมั่นใจกับใบหน้าที่ดูเรียวเล็กลง เปล่งประกายความงามได้อย่างเป็นธรรมชาติ พร้อมเผยเคล็ดลับและคำแนะนำในการเลือกวิธีที่เหมาะสมกับคุณที่สุด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ
Table of Contents
- ลักษณะหน้าเรียว
- ทำไมต้องหน้าเรียว ?
- ปรับรูปหน้าให้เรียวและเล็กลง โดยไม่ผ่าตัด เหมาะกับใคร ?
- 14 วิธีทำให้หน้าเรียว เล็กลง โดยไม่ต้องผ่าตัด
- ทำหน้าเรียว ลดเหนียง ที่ไหนดี ?
ลักษณะหน้าเรียว
ลักษณะของใบหน้าเรียว โดยปกติจะมีรูปทรงยาวรี คล้ายรูปไข่ หรือคล้ายรูปหยดน้ำ ซึ่งใบหน้าจะมีความยาวประมาณ 60% ของความกว้าง นอกจากนี้ โหนกแก้มจะมีความโค้งมนเพียงเล็กน้อย ไม่กว้างมาก หน้าผากจะมีความกว้างประมาณ 70% ของความกว้างของโหนกแก้ม คางจะมีความเรียวเล็ก และมีความแหลมประมาณ 1/3 ของความยาวใบหน้า รวมถึงกรอบหน้าต้องมีความชัดเจน หากมีลักษณะดังกล่าว จะทำให้มีรูปหน้าที่สวยงาม ดูอ่อนกว่าวัย และมีความสง่างาม
ทำไมต้องหน้าเรียว ?
- ใบหน้าเรียวมักดูอ่อนเยาว์กว่าใบหน้ากลมหรือใบหน้าเหลี่ยม เพราะผิวหนังบริเวณใบหน้าเรียวมักหย่อนคล้อยน้อยกว่า
- ใบหน้าเรียวมักดูสมส่วนกว่ารูปหน้าแบบอื่น เพราะสัดส่วนของใบหน้าเรียวใกล้เคียงกับอัตราส่วนทองคำ
- คนที่มีใบหน้าเรียวมักถูกมองว่ามีเสน่ห์และน่าดึงดูด เนื่องจากมีกรอบหน้าที่ชัดเจน ทำให้ใบหน้าดูคมชัด
- การมีใบหน้าเรียวช่วยเสริมสร้างความมั่นใจให้กับตัวเอง
- ใบหน้าเรียวทำให้การแต่งหน้าเป็นเรื่องง่าย
- ตามศาสตร์ของโหงวเฮ็งบนใบหน้า ผู้ที่มีใบหน้าเรียวจึงมักถูกมองว่าโชคดี ประสบความสำเร็จ และมีความก้าวหน้า
ปรับรูปหน้าให้เรียวและเล็กลง โดยไม่ผ่าตัด เหมาะกับใคร ?
การปรับรูปหน้าให้เรียว และมีขนาดที่เล็กลง โดยไม่ต้องผ่าตัด เหมาะกับบุคคลที่มีลักษณะ ดังนี้
- ผู้ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงรูปหน้า แต่ไม่พร้อมรับการผ่าตัด และมีข้อจำกัดด้านเวลา
- ผู้ที่มีปัญหาใบหน้าบวมน้ำ หรือมีไขมันสะสมบริเวณใบหน้า
- ผู้ที่มีรูปหน้าใหญ่ บาน กลม หรือเหลี่ยม และต้องการให้ใบหน้าเรียวขึ้น
- ผู้ที่ต้องการเห็นผลลัพธ์เร็ว และต้องการผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ
- ผู้ที่กังวลเกี่ยวกับการผ่าตัด เช่น ผลข้างเคียงหลังการผ่าตัด
14 วิธีทำให้หน้าเรียว เล็กลง โดยไม่ต้องผ่าตัด
1. ร้อยไหม
การร้อยไหมหน้าเรียว เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมในการปรับรูปหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด โดยแพทย์จะใช้เส้นไหมละลายสอดเข้าไปใต้ผิวหนัง เพื่อยกกระชับผิวและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ใบหน้าเรียวกระชับ ผลลัพธ์จะดีขึ้นอย่างชัดเจนใน 1-2 เดือน และคงอยู่ได้นานถึง 2 ปี
2. โบท็อกซ์
โบท็อกซ์หน้าเรียว เป็นสารที่ช่วยคลายกล้ามเนื้อ โดยแพทย์จะฉีดเข้าไปบริเวณกล้ามเนื้อกราม ทำให้กล้ามเนื้อคลายตัวและเล็กลง สามารถฉีดได้หลายบริเวณ เช่น ลดกราม ลิฟต์หน้า หรือลดขนาดต่อมน้ำลาย หลังฉีด ใบหน้าจะเรียวขึ้น โดยเฉพาะบริเวณกรามและแก้ม ทำให้ดูอ่อนเยาว์และมีมิติมากขึ้น ผลลัพธ์จะเห็นได้ชัดเจนภายใน 1-2 สัปดาห์
3. ฟิลเลอร์
การฉีดฟิลเลอร์กรอบหน้า เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมอย่างมากในการปรับรูปหน้าให้ดูเรียวและคมชัดขึ้น โดยแพทย์จะฉีดสารเติมเต็มที่มีส่วนผสมของกรดไฮยาลูโรนิค (Hyaluronic Acid) เข้าไปในบริเวณที่ต้องการ เช่น คาง กรอบหน้า หรือเพื่อยกกระชับใบหน้า ทำให้ใบหน้าดูมีมิติ ผิวกระชับ และได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ ผลลัพธ์จะคงอยู่ประมาณ 6 – 18 เดือน
4. Hifu
HIFU (High-Intensity Focused Ultrasound) เป็นเทคโนโลยีที่ใช้คลื่นเสียงความถี่สูงในการยกกระชับผิวหน้า โดยแพทย์จะใช้คลื่นอัลตราซาวด์ความเข้มข้นสูงส่งผ่านผิวหนังชั้นนอก พลังงานจะถูกส่งไปยังชั้นผิวหนังที่ลึกกว่าโดยไม่ทำลายผิวชั้นบน ความร้อนที่เกิดขึ้นจะกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ ทำให้ผิวหน้ากระชับ ใบหน้าเรียวขึ้น โดยเฉพาะบริเวณแก้มและกราม ช่วยลดเลือนริ้วรอย และทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์ขึ้น หลังทำประมาณ 2-3 เดือน จะเห็นผลชัดเจน และผลลัพธ์อยู่ได้นาน 1-2 ปี
5. Ulthera
Ulthera เป็นเทคโนโลยียกกระชับผิวหน้าที่ใช้พลังงานอัลตราซาวด์ความเข้มข้นสูง ยิงลงไปยังชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นกล้ามเนื้อใต้ผิวหนัง ทำให้เกิดความร้อนกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ ส่งผลให้ใบหน้าเรียวกระชับ กรอบหน้าชัดเจน ลดเลือนริ้วรอย และยกกระชับผิวบริเวณคอ หลังจากการทำ 2 – 3 เดือนจะเริ่มเห็นผลที่ชัดเจน และ 6 เดือนหลังจากนั้นจะให้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น
6. Thermage
เทอร์มาจ (Thermage) เป็นการรักษาที่ใช้คลื่นวิทยุความถี่สูง (Radiofrequency หรือ RF) ให้ความร้อนกับชั้นผิวหนังแท้และชั้นไขมัน ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ทำให้ผิวกระชับ ใบหน้าเรียวขึ้น ลดเลือนริ้วรอย และปรับรูปหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ โดยมักทำที่ใบหน้าส่วนล่าง เช่น แก้ม คาง ใต้คาง และคอ ผลลัพธ์จะค่อยๆ ปรากฏชัดเจนขึ้นในช่วง 2-3 เดือน และคงอยู่ได้นานถึง 2 ปี
7. Radiofrequency (RF)
Radiofrequency (RF) เป็นเทคโนโลยีที่ใช้ในการยกกระชับผิวหน้าและปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้น โดยแพทย์จะใช้คลื่นวิทยุความถี่สูงส่งความร้อนลงไปในชั้นผิวหนัง ทำให้เกิดการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ ส่งผลให้ผิวกระชับ ใบหน้าเรียวขึ้น กรอบหน้าชัดเจน ลดเลือนริ้วรอย และดูอ่อนเยาว์ขึ้น ผลลัพธ์จะค่อยๆ ปรากฏชัดเจนขึ้น และอาจต้องทำซ้ำทุก 6 – 12 เดือน เพื่อรักษาผลลัพธ์ในระยะยาว
8. Emface
Emface เป็นเทคโนโลยีที่ใช้ทั้ง HIFES (High-Intensity Facial Electrical Stimulation) เพื่อกระตุ้นกล้ามเนื้อใบหน้า และคลื่นวิทยุ (Radiofrequency) เพื่อกระชับผิวหนัง ทำให้ใบหน้ายกกระชับ ลดเลือนริ้วรอย และดูเรียวขึ้น ผลลัพธ์จะคงอยู่ประมาณ 6 – 12 เดือน
9. Mesofat
เมโสเฟต (Mesofat) เป็นการรักษาที่ใช้สารละลายพิเศษฉีดเข้าไปในชั้นไขมันส่วนเกิน เช่น แก้ม และเหนียง เพื่อช่วยสลายไขมัน ทำให้ใบหน้าเรียวขึ้น และดูอ่อนเยาว์ขึ้น ควรทำซ้ำ 3 – 6 ครั้ง ห่างกันครั้งละ 2 – 4 สัปดาห์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ ซึ่งการทำ Babi Meso Fat เป็นอีกวิธีที่ได้รับความนิยมเนื่องจากไม่ต้องผ่าตัดและมีความปลอดภัยสูง
10. Meso กระตุ้นคอลลาเจน
Meso กระตุ้นคอลลาเจนเป็นเทคนิคการฉีดสารบำรุงเข้าสู่ชั้นผิวหนังเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน ทำให้ผิวดูเรียบเนียนและอ่อนเยาว์ขึ้น กระบวนการนี้สามารถช่วยให้ผิวหน้าดูเรียวขึ้นได้ โดยช่วยยกกระชับผิวและลดริ้วรอย แต่ไม่ใช่วิธีหลักในการปรับรูปหน้าให้เรียวโดยตรง ผลลัพธ์จะขึ้นอยู่กับสภาพผิวและปัญหาของแต่ละบุคคล
11. การดูดไขมัน
การดูดไขมันบริเวณใบหน้าและคอ เป็นการรักษาที่ช่วยกำจัดไขมันส่วนเกิน ทำให้ใบหน้าดูเรียวขึ้น กรอบหน้าชัดเจน และอ่อนเยาว์ขึ้น ผลลัพธ์จะค่อยๆ ปรากฏชัดเจนขึ้นใน 2-3 เดือน
12. ทันตกรรม
ทันตกรรมจัดฟันเพื่อปรับรูปหน้า เป็นการรักษาที่ใช้การจัดฟัน ถอนฟัน หรือผ่าฟันคุด เพื่อปรับโครงสร้างของขากรรไกรและฟัน ทำให้ใบหน้าดูเรียวขึ้นและมีความสมดุลมากยิ่งขึ้น
13. การนวดหน้าด้วยตัวเอง
การนวดหน้าด้วยตนเองเป็นวิธีที่ง่ายและสะดวกในการดูแลผิวหน้า โดยการนวดจะช่วยกระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อและการไหลเวียนโลหิต ทำให้ผิวหน้าดูสดใสและเปล่งปลั่งมากขึ้น ควรนวดหน้าเป็นประจำทุกวัน วันละประมาณ 5 – 10 นาที เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ควบคู่ไปกับการดื่มน้ำให้เพียงพอและรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เพื่อสุขภาพผิวที่แข็งแรง
14. การแต่งหน้า
การแต่งหน้าเพื่อให้ใบหน้าดูเรียวเป็นเทคนิคที่นิยมใช้กันมาก โดยจะเน้นการใช้คอนทัวร์บริเวณกรอบหน้า ขมับ ใต้โหนกแก้ม ข้างจมูก และใต้กราม เพื่อสร้างมิติให้ใบหน้าดูเรียวขึ้น ควรเลือกเฉดสีคอนทัวร์ที่เข้มกว่าสีผิวเล็กน้อย และเบลนด์ให้กลมกลืนกับผิวหน้า การใช้เทคนิคนี้จะช่วยให้ใบหน้าดูมีมิติและเรียวเล็กขึ้น
ทำหน้าเรียว ลดเหนียง ที่ไหนดี ?
สิ่งสำคัญคือการเลือกหาคลินิกที่มีความน่าเชื่อถือ ซึ่งหลายคนก็คงจะหนักใจไม่น้อยเมื่อในปัจจุบันเกิดคลินิกเสริมความงามขึ้นมาเยอะแยะมากมาย ที่อาจมีคลินิกเถื่อนแฝงตัวอยู่ จุดสังเกตสามารถเช็คได้จากปัจจัยเหล่านี้
- เลือกคลินิกที่มีรีวิวเยอะหลากหลายรูปแบบ
ไม่แนะนำให้ดูแค่รูปภาพเปรียบเทียบก่อนหลังเพียงอย่างเดียว เพราะภาพเหล่านี้สามารถตกแต่งขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นสิ่งที่ดีที่สุดคือควรเช็คจากคลิปวิดีโอ สร้างความน่าเชื่อถือของบริการนั้นๆ ได้ - เลือกคลินิกที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการปรับรูปหน้า หรือ อาจารย์แพทย์
เราสามารถอิงได้จากเคสรีวิวของผู้ที่เคยเข้ามาใช้บริการ ว่าแพทย์ที่ดูแลเคสนี้มีการปรับรูปหน้าแล้วเกิดผลลัพธ์ที่ดีขึ้นมากน้อยแค่ไหน ซึ่งแพทย์ประจำคลินิกก็ควรเป็นแพทย์ที่มีใบวิชาชีพและผ่านการรับรองมาอย่างถูกต้อง คนไข้สามารถเช็กได้จากเว็บไซต์ของแพทยสภา นอกจากนี้เทคนิคที่แพทย์เลือกใช้จะต้องเหมาะสมกับปัญหาที่เกิดขึ้นกับใบหน้าของคนไข้ - เลือกคลินิกที่มีการเปิดให้บริการอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
คลินิกเหล่านั้นจะต้องมีป้ายเลขที่ใบอนุญาต 11 หลัก (ตรวจสอบผ่านเว็บไซต์ https://hosp.hss.moph.go.th) ป้ายชื่อคลินิกติดอย่างชัดเจน และสามารถตรวจสอบเลขที่ใบอนุญาตได้ทั้งผู้ดำเนินการสถานพยาบาล และผู้อนุญาตเปิดสถานพยาบาล - เลือกคลินิกที่ใช้ผลิตภัณฑ์แท้ และอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐาน
คลินิกจะต้องนำเข้าผลิตภัณฑ์ที่เป็นของแท้ ได้มาตรฐานและผ่านการรับรองจาก อย. เพื่อผลลัพธ์ที่มีความปลอดภัยต่อผู้เข้ารับบริการ โดยแพทย์ควรมีการแกะกล่องใหม่ หรือบรรจุภัณฑ์ต่อหน้าคนไข้ทุกครั้ง นอกจากนี้ยังสามารถขอนำกล่องหรือบรรจุภัณฑ์ไปตรวจสอบแหล่งที่มาได้ - เลือกคลินิกที่มีการนัดติดตามผลหลังทำ
- ควรมีการนัดติดตามผลเพื่อเช็คอาการกับคนไข้อย่างใกล้ชิดในทุก ๆ เคส พร้อมให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลตัวเองหลังทำอย่างถูกต้อง และควรมีช่องทางการติดต่อที่คนไข้สามารถพูดคุยสอบถามเพิ่มเติมได้ตลอดเวลา